เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล เปิดใจทุกปัญหาช่องไทยทีวี ยันปัญหาเกิดจาก กสทช. พร้อมร้องศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราวจนกว่าคดีความกับ กสทช. จะสิ้นสุด ไม่หวั่นกระแสล้มละลาย ลั่นไม่ขอทำธุรกิจร่วมกับภาครัฐอีก
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือ ติ๋ม ทีวีพูล กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท ไทยทีวี จำกัด พร้อมทีมทนายความแถลงข่าวเปิดใจถึงปัญหาของการดำเนินกิจการช่องไทยทีวี รวมถึงกรณีเกี่ยวกับการยื่นฟ้อง กสทช. ที่ออฟฟิศทีวีพูล ซอยลาดพร้าว 101
นางพันธุ์ทิพา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้ส่งหนังสือถึงบริษัท ไทยทีวี จำกัด ให้ชำระเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการรายปี 2557 รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 1,748,808,000 บาท (หนึ่งพันเจ็ดร้อยสี่สิบแปดล้านแปดแสนแปดพันบาทถ้วน) ภายใน 30 วัน
ทางบริษัทไทยทีวี จึงได้ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมให้คุ้มครองสิทธิ เนื่องจากมองว่าทางไทยทีวีเป็นผู้เสียหาย เห็นว่าปัญหาธุรกิจทีวีดิจิตอลในขณะนี้ มาจาก กสทช. ไม่ปฏิบัติตามแผนแม่บทฯ และคำมั่นสัญญาที่ได้บอกไว้ ก่อนและหลังการประมูล เพราะไม่สามารถแจกกล่องดิจิตอลได้ครบ 22.9 ล้านครัวเรือน ทั้งยังไม่สามารถบังคับเรียงเลขช่องให้เหมือนกันทุกแพลตฟอร์มได้ รวมถึงยังขาดการประชาสัมพันธ์ที่เป็นรูปธรรม ส่งผลให้หลายช่องได้รับผลกระทบ โดยศาลจะมีการนัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 13.00 น.
นางพันธุ์ทิพา ระบุอีกว่า ปัจจุบันช่องไทยทีวีได้ยุติการประกอบกิจการไปแล้ว ทั้งนี้ต้องรอจนกว่าศาลจะพิพากษาเท่านั้น ตนเองไม่ใช่ฝ่ายผิด ร่วมทั้งปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่าบริษัทจะล้มละลาย หรือถูกยึดหลักประกันที่วางไว้กับธนาคาร ก็ยังถือเป็นเรื่องไกลตัว ตนยังมีหลักทรัพย์มาก ซึ่งเรื่องดังกล่าวส่งผลให้บริษัทเสียหาย และตนยังยืนยันว่าบริษัทไม่มีการไล่พนักงานออกอย่างแน่นอน แต่พนักงานจะต้องทำงานหนักขึ้น อีกทั้งยังเตรียมยื่นคำร้องขอเรียกค่าเสียหายจาก กสทช. เพิ่มอีกกว่า 200 ล้านบาทด้วย
ทั้งนี้นางพันธุ์ทิพายังได้กล่าวอีกว่าถ้าหากตนสามารถย้อนเวลากลับไปได้ จะไม่ร่วมประมูลคลื่นความถี่ และจะไม่ร่วมทำธุรกิจกับภาครัฐอีกแล้ว ยกเว้น รายการทีวีพูลไลฟ์ ที่ออกอากาศทางช่อง 5 เท่านั้น และในอนาคตอาจมีการร่วมลงทุนทำธุรกิจกับชาวต่างชาติ ซึ่งคาดว่าจะมีข่าวดีเร็ว ๆ นี้
