
ประวัติ พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ พระนักเทศน์ชื่อดัง เจ้าอาวาสผู้พัฒนามูลนิธิวัดสวนแก้วจนเป็นพ่อพระของผู้ยากไร้ และเจ้าของวลีตรึงใจ "โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า"
หากพูดถึงพระนักเทศน์ที่มีชื่อเสียง คงจะมีน้อยคนนักที่ไม่รู้จัก พระราชธรรมนิเทศหรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ผู้ที่มีลีลาในการเทศนาธรรมสั่งสอนให้กับพุทธศาสนิกชนได้รับฟังอย่างตื่นเต้น เร้าใจ ชวนติดตาม โดยพระพยอมมักจะนำเอาเหตุการณ์ หรือเรื่องราวต่าง ๆ ในสังคมมาสะท้อนผ่านธรรมะทำให้ชาวบ้านที่มานั่งฟังเทศนาธรรมไม่รู้สึกเบื่อ
พระพยอม มีหลักธรรมคำสอนที่เผยแพร่ออกมามากมาย แต่วลีที่ทำให้ทุกคนจำได้เป็นอย่างดีคงเป็นวลีที่ว่า "โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ไม่โกรธดีกว่า จะได้ไม่บ้าไม่โง่" ที่ติดตรึงใจสังคมไทยมาช้านาน ทั้งนี้พระพยอม กัลยาโณ ยังถือเป็นศิษย์คนสำคัญท่านหนึ่งของท่านพุทธทาสอีกด้วย
นอกจากจะมีชื่อเสียงในด้านเทศนาธรรมแล้ว พระพยอมยังถือว่า เป็นพระนักพัฒนาตัวยง เพราะท่านได้มีการจัดตั้งมูลนิธิวัดสวนแก้ว เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ คนไม่มีงานทำ และผู้ตกทุกข์ได้ยาก ด้วยการรับบริจาคสิ่งของเก่า ๆ เพื่อนำมาซ่อมและสร้างขึ้นใหม่ แล้วนำไปขายต่อเพื่อนำเงินมาใช้ในทางสาธารณกุศล เรียกได้ว่าเป็นพ่อพระของคนยากอย่างแท้จริง

สำหรับประวัติของพระพยอม กัลยาโณ อย่างย่อมีรายละเอียดดังนี้
พระพยอม เกิดเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2492 ปีฉลู บิดาชื่อนายปลั่ง จั่นเพชร มารดาชื่อนางสำเภา จั่นเพชร พื้นเพเดิมเป็นคน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี สถานะเดิมเป็นชาวนา ชาวสวน มีฐานะยากจนมาก เรียนจบเพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เนื่องจากพ่อของพระพยอมไม่มีเงินส่งให้เรียนต่อ จึงจำเป็นต้องออกจากโรงเรียน เพื่อรับจ้างขึ้นต้นหมากและต้นมะพร้าว
พระพยอมกับการเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์
พระพยอมเข้ารับการบรรพชาเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2502 ที่วัดสังวรพิมลไพบูลย์ ซึ่งเป็นช่วงที่โรงเรียนปิดเทอม ถือเป็นการบวชเณรหน้าไฟและจูงศพแม่เข้าเมรุ เป็นการบวชตามธรรมเนียม ตอนแรกสามเณรพยอม ตั้งใจจะบวชเพียง 7 วัน แต่ในที่สุดก็บวชได้นานถึงเกือบเดือน จากนั้นได้เข้ารับการอุปสมบท เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2513 ณ วัดสังวรพิมลไพบูลย์ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี โดยมีพระครูนนทประภากร เจ้าคณะอำเภอบางใหญ่ เจ้าอาวาสวัดพิกุลเงิน เป็นพระอุปัชฌาย์

พระพยอมกับวัดสวนแก้วและมูลนิธิวัดสวนแก้ว
วัดสวนแก้วตั้งอยู่ตำบลบางเลน แต่เดิมวัดนี้ชื่อ "วัดแก้ว" เป็นวัดร้างมา 80 ปี จนกระทั่งหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ และพระภิกษุอีก 3-4 รูป ได้เข้ามาพำนักแต่พื้นที่ของวัดเต็มไปด้วยสวนต่าง ๆ หลวงพ่อไม่สามารถจะบูรณะได้ เพราะขาดบุคลากรที่จะช่วยพัฒนา เมื่อปี พ.ศ. 2521 พระพยอม กัลยาโณ และเพื่อนพระภิกษุอีก 2 รูปได้เดินทางมาจากสวนโมกขพลาราม เพื่อขอทำโครงการบวชเณร ภาคฤดูร้อนที่วัดแห่งนี้ หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2522 หลวงพ่อได้มอบหมายให้พระพยอมและเพื่อนพระภิกษุเป็นผู้ดูแลรักษาวัดเนื่องด้วยหลวงพ่อเทียนนั้นดำริจะเดินทางกลับจังหวัดเลย
ต่อมาภายหลังจึงได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น "วัดสวนแก้ว" และได้จัดตั้ง "มูลนิธิสวนแก้ว" ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ คือ
โดยในปี พ.ศ. 2548 "มูลนิธิสวนแก้ว" ได้ถูกรับรองเป็น "องค์กรสาธารณประโยชน์" โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 6 ประการ คือ
การศึกษา
สมณศักดิ์
ภาพจาก stopgamblingnetwork สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบ, dhammathai.org
ขอบคุณข้อมูลจาก
kanlayano.org, dhammathai.org,







