การท่องเที่ยวไปทั่วโลกถือเป็นงานอดิเรกที่น่าสนุกและตื่นเต้น และทุกวันนี้การท่องเที่ยวนั้นเต็มไปด้วยความสะดวกสบายมากขึ้น เราสามารถไปที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ ตั้งแต่ป่าร้อนชื้นทางตอนใต้ หรือจะเป็นแผ่นดินน้ำแข็งที่ด้านเหนือสุดของโลกก็ตาม
แต่รู้ไหมว่ายังมีสถานที่ลึกลับบนโลกอีกมาก ที่ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ เข้าไปสัมผัสบรรยากาศภายใน ไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไรก็ตามที อาจเป็นเพราะสถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยอันตราย หรือไม่ก็อาจจะกุมความลับระดับชาติบางอย่างเอาไว้ก็เป็นได้
และวันนี้ กระปุกดอทคอมจะขอพาทุกท่านไปรู้จักกับ 10 สถานที่ต้องห้ามทั่วโลก ที่ไม่ยินดีต้อนรับใครทั้งสิ้น ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ the richest รู้แล้วก็อย่าได้เผลอย่างเท้าเข้าไปเชียวล่ะ เตือนแล้วนะ..
ถ้ำลัสโก เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เชื่อว่าเคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์โบราณยุคหิน บนผนังถ้ำมีงานเขียนเป็นภาพวาดรูปมนุษย์ สัตว์ รูปร่างต่าง ๆ และการพิมพ์รอยมือ ที่มีอายุอย่างต่ำประมาณ 15,000 ปีก่อนคริสตกาล ถ้ำลัสโกถูกเปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว จนกระทั่งเมื่อปี 1963 ทางเจ้าหน้าที่สังเกตเห็นว่าภาพเขียนบนผนังเริ่มจางหาย ทั้งนี้เป็นเพราะนักท่องเที่ยวมือบอนบางรายนั่นเอง ทางการจึงสั่งปิดถ้ำแห่งนี้เป็นการถาวร ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาเหยียบด้านในได้อีก นอกจากบางคนที่ได้รับการยกเว้น รวมถึงรายการที่มาถ่ายทำสารคดีต่าง ๆ
2. เกาะงูคลั่ง ประเทศบราซิล (Ilha da Queimada Grande)
3. เมานท์ เวเทอร์ สหรัฐอเมริกา (Mount Weather)
สุดยอดฐานที่มั่นลับของกองทัพอเมริกัน ลึกลงไปใต้ดินนั้นเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย สำหรับให้เจ้าหน้าที่กว่า 1,000 นายปฏิบัติงานในกองบัญชาการทางยุทธศาสตร์ โดยอาศัยอยู่กินและนอนได้เป็นแรมปีโดยไม่ต้องโผล่มาเหนือพื้นดิน ทั้งนี้ กองบัญชาการดังกล่าวถูกตั้งขึ้นมาภายใต้แนวคิดที่ว่า หากเกิดสงคราม ภัยพิบัติ หรือเหตุฉุกเฉินใด ๆ ขึ้นบนโลก หน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่ และข้อมูลสำคัญของประเทศ ก็จะยังคงอยู่ตลอดกาลในกองบัญชาการแห่งนี้ แน่นอนว่าสถานที่อย่างนี้ ไม่อนุญาตให้ประชาชนคนธรรมดาเข้าไปย่างกรายอย่างเด็ดขาด
4. หอจดหมายเหตุลับของวาติกัน นครวาติกัน (Vatican Secret Archives)
5. เกาะเซนติเนลเหนือ ประเทศอินเดีย (North Sentinel Island)
6. แอเรีย 51 สหรัฐอเมริกา (Area 51)
แอเรีย 51 เป็นชื่อเรียกฐานทัพของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ที่ตั้งอยู่ในทะเลทรายทางตอนใต้ของรัฐเนวาดา อันที่จริงก็น่าจะเหมือนกับฐานทัพอากาศทั่วไป แต่ด้วยความเข้มงวดและลึกลับของมัน ที่ไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้หรือแวะเวียนเยี่ยมชม ทำให้หลายคนตีความไปต่าง ๆ นานาว่า สถานที่แห่งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทฤษฎีสมคบคิดต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องความลับเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวและยูเอฟโอ
7. วิหารหีบแห่งพันธสัญญา ประเทศเอธิโอเปีย (The Chapel of the Ark of the Covenant)
วิหารหีบแห่งพันธสัญญา เป็นอาคารหลังเล็ก ๆ ในประเทศเอธิโอเปีย เล่ากันว่าภายในนั้นเป็นที่เก็บหีบแห่งพันธสัญญา ที่บรรจุแผ่นศิลาจารึกบัญญัติ 10 ประการ โถใส่มานา และไม้เท้าของอาโรนที่ออกดอกตูม ไม่เคยมีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปในวิหารแห่งนี้ ยกเว้นพระรูปหนึ่งที่ได้เข้าไป และอาศัยอยู่ภายในนั้นตลอดทั้งชีวิตเพื่อปกปักษ์รักษาหีบแห่งพันธสัญญาให้ปลอดภัย ทั้งนี้เคยมีมนุษย์ผู้โชคดีบางรายได้เข้าไปในอาคารเมื่อปี 2011 เพื่อซ่อมแซมหลังคารั่ว
8. เมโทร-2 ประเทศรัสเซีย (Moscow Metro-2)
9. ห้องนิรภัยลับของคริสตจักรมอร์มอน สหรัฐอเมริกา (Mormon Church Secret Vault)
คริสตจักรมอร์มอน หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ ศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย (The Church of Jesus Christ of Latter-day Saints) เป็นกลุ่มศาสนิกชนที่มีประวัติยาวนาน และด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงมีหนังสือจดหมายเหตุ รวมถึงม้วนไมโครฟิล์มที่บรรจุข้อมูลมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1930 และเพื่อที่จะให้ข้อมูลเหล่านี้คงอยู่ไปตลอดกาล คริสตจักรมอร์มอนจึงต้องเฟ้นหาสถานที่สำหรับเก็บข้อมูลที่ดีที่สุด พวกเขาเลือกที่จะสร้างห้องนิรภัยลับในภูเขาหินแกรนิตชื่อ Little Cottonwood Canyon ในรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา และไม่อนุญาตให้ประชาชนคนธรรมดาเข้าใกล้ห้องนิรภัยนี้โดยเด็ดขาด ว่ากันว่าในปัจจุบัน มีม้วนไมโครฟิล์มที่เก็บข้อมูลมากกว่า 100,000 ชิ้น และที่เป็นหน้ากระดาษอีกมากกว่า 100,000 แผ่น
10. เกาะซึร์ทเซย์ ประเทศไอซ์แลนด์ (Surtsey)
เป็นเกาะภูเขาไฟที่ก่อตัวขึ้นจากการปะทุของภูเขาไฟใต้ทะเล ที่ใช้เวลาปะทุนานถึงเกือบ 5 ปี ตอนนี้มันตั้งตระหง่านอยู่ที่กลางมหาสมุทรใกล้กับประเทศไอซ์แลนด์ แต่สหประชาชาติมีมติว่า ไม่อนุญาตให้ใครก็ตามเดินทางไปท่องเที่ยวที่เกาะแห่งนี้โดยเด็ดขาด ยกเว้นแต่นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยบางรายที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับความก้าวหน้าและวิวัฒนาการทางนิเวศวิทยา โดยปราศจากการแทรกแซงของมนุษย์ ด้วยความที่ลาวาจากการระเบิดภูเขาไฟนั้นเอง ทำให้ทัศนียภาพบนเกาะสวยงามแปลกตาอย่างมาก และในขณะเดียวกันก็เป็นอันตรายสำหรับคนที่จะมาเกาะนี้ เพราะทุกวันนี้ยังมีขี้เถ้าลอยปลิวว่อนอยู่