
นักวิชาการแนะ ไทย-กัมพูชา ควรเปิดใจกว้างยอมรับว่า โขน เป็นวัฒนธรรมที่ต่างรับเอาของอินเดียมาประยุกต์
หลังที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ได้เตรียมส่งรายชื่อ โขน ให้ยูเนสโกขึ้นเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ เนื่องจากโขนเป็นการแสดงที่มีความโดดเด่น ชัดเจนและแสดงถึงภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยที่สมบูรณ์ ทำให้ชาวกัมพูชาบางส่วนไม่พอใจ ออกมาแชร์ภาพว่าการแสดงโขนไม่ใช่ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทย แต่เป็นของประเทศกัมพูชาแต่เพียงผู้เดียว (อ่านข่าว ศึกมรดกโลก ! ออนไลน์เขมร ฮือประท้วงไทย ประกาศก้องโขนเป็นของกัมพูชา)

นายอัครพงษ์ กล่าวต่อว่า ทั้งไทยและกัมพูชา เราต้องทำความเข้าใจว่าเรื่องวัฒนธรรมเป็นเรื่องการสร้างชาติ คนที่ออกมาตื่นเต้นหรือกล่าวหาคนอื่นว่าแย่งวัฒนธรรมของชาติตนเองไป ไม่ใช่คนที่รักชาติอย่างถูกวิธี คือคนที่ใช้ความเป็นชาติเพื่อไปทำลายชาติอื่น เป็นเรื่องของคนใจแคบ เห็นชาติตัวเองดีกว่าคนอื่น เป็นการยกตนข่มท่าน
ทั้งนี้เห็นว่าไทยยังควรจะจดทะเบียน โขน เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ อยู่ต่อไป การจดทะเบียนจะช่วยแสดงให้เห็นถึงการมีวัฒนธรรมที่ดีของไทย และหาทางส่งเสริมคุณค่า และควรวางเฉยต่อท่าทีของกัมพูชา ซึ่งที่ผ่านมาได้นำเอาวัฒนธรรมร่วมหลายอย่างไปจดทะเบียน อาทิ หนังใหญ่ และการแสดงโขนในแบบของกัมพูชาที่เรียกว่าละโคนพระกรุณา เป็นต้น
ขณะที่ เพจ เมด อิน อุษาคเนย์ ได้นำข้อความของ นายสุจิตต์ วงษ์เทศ นักเขียนรางวัลศรีบูรพา ทที่ออกมากล่าวถึงประเด็นนี้ว่า "โฮ้ยยยย กูทั้งพูดทั้งเขียนมาจนเบื่อละ ว่าโขนอะ มันวัฒนธรรมร่วมอุษาคเนย์ โอเคนะ ขี้เกียจดราม่า" (อุษาคเนย์ คือ เอเชียอาคเนย์ หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้)

ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก เมด อิน อุษาคเนย์, I Love Khmer True Story
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก BBCThai






