เปิดปากสารภาพ หนุ่ม 19 เผาอำพรางสาวประเภทสองคู่ขา บอกอึดอัด-ชอบบังคับ ทนไม่ไหวทะเลาะกัน จนลงไม้ลงมือ กระทืบคอจนแน่นิ่ง ก่อนเอาศพยัดกระเป๋า ซ้ำยังเอาบัตรเอทีเอ็มไปกด เผยรู้จักกันตอนออกกำลังกายเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน ก่อนสาวประเภทสองชวนมาอยู่ด้วย ให้เงินเดือนละ 3 หมื่น โทรศัพท์หรู 1 เครื่อง ล่าสุดตำรวจพาทำแผนเจ้าตัวเครียดจัดเป็นลมล้มพับ
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประเวศ รับแจ้งเหตุพบศพของ นายสมพงษ์ บุญยืน อายุ 58 ปี หรือ เจ๊หนุ่ย สาวประเภทสอง ในสภาพถูกเผาทิ้งไว้ที่ลานจอดรถวัดแก้วพิทักษ์เจริญธรรม ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะคุมตัว นายภัทภูมิ แย้มคง อายุ 19 ปี แฟนหนุ่มของผู้ตาย ซึ่งเป็นเด็กวัดมาสอบสวน เนื่องจากมีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดจับภาพขณะที่นายภูมิลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกจากคอนโดผู้ตาย ย่านโชคชัยร่วมมิตร อีกทั้งยังพบซากกระเป๋าดังกล่าวถูกเผาข้างศพผู้ตายด้วย ซึ่งหลังจากเค้นสอบนายภูมิก็รับสารภาพในที่สุดว่าได้ลงมือฆ่าเจ๊หนุ่ยจริง
โดย นายภัทภูมิ ให้การรับสารภาพว่า ตนเองเป็นผู้ฆ่านายสมพงษ์จริง ตนรู้จักกับผู้ตายที่สวนหลวงเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ขณะที่ตนไปออกกำลังกายเมื่อช่วง 3 สัปดาห์ที่แล้ว ก่อนตกลงคบหาดูใจกัน โดยผู้ตายจ่ายค่าเลี้ยงดูให้เดือนละ 3 หมื่น และซื้อโทรศัพท์ไอโฟน 6 ให้ 1 เครื่อง แล้วตนก็ย้ายไปอยู่กับผู้ตายที่คอนโดย่านวิภาวดี
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ลงมือฆ่านั้น นายภัทภูมิ กล่าวว่า เป็นเพราะกดดันเนื่องจากผู้ตายชอบบังคับการใช้ชีวิต เช่น หากเดินเที่ยวห้างห้ามเดินข้างหลัง ให้เดินพร้อมกัน, กินข้าวก็ต้องกินพร้อมกัน สำหรับในวันที่เกิดเหตุผู้ตายบังคับให้ตนไปงานเลี้ยงด้วย แต่ตนไม่อยากไป จึงมีปากเสียงทะเลาะกันถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกาย ตนได้ใช้เท้ากระทืบที่คอของผู้ตายจนแน่นิ่ง พอตนเอามือไปอังจมูกก็พบว่าผู้ตายไม่หายใจแล้ว ตนเลยกลัวความผิด นำศพผู้ตายยัดใส่กระเป๋าเดินทาง ก่อนจะนำศพพร้อมกระเป๋าไปที่วัดแก้วพิทักษ์เจริญธรรม บริเวณลานเผาขยะของวัดและนำยางรถยนต์ 4 เส้น และโซฟา วางไว้ด้วย ก่อนราดน้ำมันและจุดไฟเผา โดยระหว่างนั้นได้นำบัตรเอทีเอ็มของผู้ตายกดเงินจำนวนหนึ่งไปด้วย และทันทีที่ปฏิบัติภารกิจเสร็จ ก็ได้เข้าไปในกุฏิตามปกติ
ขณะที่พระวัดดังกล่าว ระบุว่า นายภัทภูมินั้นเป็นเด็กวัดที่คอยดูแลอยู่ที่กุฏิ จบการศึกษาชั้น ป.3 อ่านเขียนไม่ค่อยได้ และก่อนเกิดเหตุนายภัทภูมิก็ได้บอกกับตนว่ามีคนชวนไปอยู่ด้วย ตนเห็นว่าชีวิตเขาน่าจะดีขึ้นเลยไม่ได้ห้ามอะไร แต่ในวันเกิดเหตุก็รู้สึกแปลกใจที่อยู่ ๆ นายภัทภูมิได้มาหากลางดึก ส่วนการจุดไฟเผาลานขยะนั้น มีการเผาเป็นประจำ จึงไม่ได้ผิดสังเกตแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี เมื่อสอบปากคำเสร็จ ก็ได้นำตัว นายภัทภูมิ ผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยนำศพมาเผาก่อนที่จะเข็นโซฟาและหยิบยางรถเก่า 4 เส้นมาเผาทีละเส้น ก่อนที่จะนำน้ำมัน 2 แกลลอน ร่วม 10 ลิตร มาเทราด และใช้ไฟแช็กจุดผ้าขนหนูผืนเล็กโยนเข้าไปทำให้เกิดไฟลุกไหม้ ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลา 02.00 น. วันที่ 5 มิถุนายน ทำให้ไม่มีใครพบเห็น จากนั้นนายภัทภูมิก็เดินกลับเข้าไปนอนในกุฏิภายในวัดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายภัทภูมิไปทำแผนที่คอนโด ซึ่งเป็นที่พักของผู้ตาย แต่ลิฟต์ค้างที่ชั้น 4 ทำให้ผู้ต้องหาเป็นลมหมดสติ ตำรวจต้องพยุงตัวออกมาจากลิฟต์ ก่อนที่จะพยุงเดินขึ้นบันไดและเข้าห้องที่เกิดเหตุเพื่อให้พักผ่อน และต้องยกเลิกการทำแผนที่เหลือก่อน เพราะนายภัทภูมินั้น มีอาการเครียดและอ่อนเพลีย อีกทั้งยังเป็นลม ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว
ภาพและข้อมูลจาก thaich8, สำนักข่าว INN
