แฉ กทม. จัดซื้อรถดับเพลิงคันเล็ก คันละ 8 ล้าน เพจดังถามคุ้มราคาหรือไม่

            อดีต ส.ส. ปชป. แฉ กทม. จัดซื้อรถดับเพลิงเล็ก-พวงมาลัยซ้าย คันละ 8 ล้าน ผิดกฎหมายจราจรทางบก ชง สตง.-ป.ป.ช. ตรวจสอบ ด้านเพจดัง เผย ต่างประเทศก็มีใช้บ้านเราน่าจะใช้ได้ แต่ควรโฟกัสว่าคุ้มราคา-ตรงสเปคหรือไม่

            จากกรณีที่ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมากล่าวถึงโครงการจัดซื้อรถดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร โดยตั้งข้อสังเกตว่า รถดับเพลิงดังกล่าว มีราคาประมาณ 7.5 ล้านบาท ซึ่งตนได้ลงไปดูรถดังกล่าวใน 3 หน่วย ปรากฏว่า มีรถที่ผิดปกติและชำรุดไปแล้ว และเชื่อว่าการจัดซื้อรถดับเพลิงนั้นต้องมีการทุจริต พร้อมทั้งรวบรวมเอกสาร เตรียมยื่น ป.ป.ช. และ สตง. ตรวจสอบต่อไปนั้น [อ่านข่าว : วิลาศ พบจัดซื้อรถดับเพลิง กทม. ผิดปกติ ชง ป.ป.ช. สอบ คลิก]
            เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุดวันที่ 11 กรกฎาคม 2559 มีรายงานข่าวเพิ่มเติม ระบุว่า นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เคยทำหนังสือท้วงไปว่า การซื้อรถพวงมาลัยซ้ายน่าจะผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก แต่ระเบียบก็ไม่ได้ห้าม ทาง กทม. ไม่กล้าเซ็นสัญญาและชะลอออกไป 60 วัน จนหาทางเลี่ยงด้วยการชี้แจงว่าเป็นรถขนาดเล็ก แม้จะเป็นพวงมาลัยซ้ายก็ไม่ก่อให้เกิดอันตราย ก่อนจะเซ็นสัญญาไปเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2558 แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2558 มีการแก้สัญญาทั้งที่ลงนามไปแล้วให้เปลี่ยนแปลงขนาดของรถ โดยตัดคำว่า "ประมาณ" ออก จึงเกิดข้อสังเกตว่าทำเพื่ออะไร

            สำหรับสเปครถนั้น นายวิลาศ ระบุว่า รถเป็นรถพวงมาลัยซ้าย ดัดแปลงจากรถ ATV มาแปลงสภาพ ใส่กระจก ติดตั้งเครื่องดับเพลิง ตัวรถมีราคา 2.5 ล้านบาท แต่ไฟเลี้ยวติดอยู่ตรงหัวรถมีขนาดเล็กนิดเดียว และไม่มีแอร์ ส่วนไฟท้ายเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก เวลาขับไม่สามารถมองกระจกหลังได้


            นายวิลาศ ระบุอีกว่า ตัวถังนั้นเป็นไฟเบอร์ ไม่ใช่เหล็ก ประตูเป็นพลาสติก ขนาดของรถมีขนาดเท่ากับรถกระป้อรับจ้าง ถ้าไปซื้อรถกระป้อจะสวยกว่าและบรรทุกของได้ อีกทั้งพวงมาลัยยังอยู่ด้านขวา ตนจึงคิดว่าที่ซื้อเพราะเป็นของแปลกจะได้เพิ่มมูลค่าเพิ่มราคา หากมาขายตนในราคา 3 แสนบาท ตนจะยังไม่ซื้อ เพราะจากที่ตนไปตรวจสอบมา 3 สถานี และมีบางหน่วยได้รับรถแล้ว แต่ไฟฉุกเฉินเสีย-ไฟเลี้ยวไม่ติด บางหน่วยเอาไปให้แล้วถังดับเพลิงหาย  ซึ่งตนคิดว่าที่ไม่ติดตั้งอุปกรณ์บางประเภทเป็นเพราะกลัวว่าจะหาย

            นอกจากนี้ นายวิลาศ ระบุว่า ชุดระบบดับเพลิงที่ติดตั้งในรถนั้นอุปกรณ์มาจากประเทศที่ต่างกันประมาณ 10 ประเทศ เมื่อตรวจสอบก็พบว่ามีราคาสูงเกินจริง เช่น ถังดับเพลิงหิ้วชนิดน้ำราคาท้องตลาด 2,400 บาท แต่ระบุในรายการจัดซื้อราคา 8,000 บาท รวมทั้งยังมีการกำหนดสเปคเป็นถังเหล็ก ซึ่งปกติแล้วจะผลิตเป็นถังสเตนเลสเพื่อป้องกันการผุกร่อน และขณะนี้มีการส่งมอบรถให้กับสถานีดับเพลิง 20 แห่ง จากทั้งหมด 35 แห่ง และจะมีการจัดซื้อเพิ่มเติมอีก 15 คัน โดยใช้งบประมาณของปี 2560 ตนจึงอยากให้ระงับเรื่องนี้ และอยากให้ผู้ว่าฯ กทม. และผู้เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ

            สำหรับผู้เสนอโครงการนี้คือ นายจุมพล สำเภาทอง รองผู้ว่าฯ กทม. แต่คนที่เซ็นลงนาม คือ พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯ กทม. ที่ต้องทำตามหน้าที่ ทั้งนี้ ตนจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อยื่นต่อ สตง. และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบข้อหาทุจริตตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 (พ.ร.บ.ฮั้วประมูลฯ) ภายในสัปดาห์หน้า

            ขณะที่แอดมินเพจดัง Drama-addict ก็ได้ให้ข้อคิดเห็นในประเด็นดังกล่าวโดยระบุว่า การนำรถ ATV มาติดอุปกรณ์ดับเพลิงนั้นในต่างประเทศก็มี พร้อมแนบคลิปวิดีโอประกอบ อีกทั้งบ้านเราหากเกิดเหตุไฟไหม้ในซอยเล็ก ๆ การใช้รถดังกล่าวน่าจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งประเด็นของเรื่องนี้ ไม่ควรบอกว่ารถแบบนี้ใช้ไม่ได้ แต่ควรสงสัยว่า รถตรงเสปคหรือไม่ และคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปหรือเปล่า และตั้งข้อสงสัยว่า รถ UTV ดังกล่าวนั้น มีราคาถึงหลักล้านจริงหรือ และยกตัวอย่างรถจากที่อื่น ๆ มาประกอบ ซึ่งราคาส่วนใหญ่อยู่ในหลักแสน


ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Drama-addict, workpointtv