ศรีสุวรรณ ร้อง ป.ป.ช. สอบ พล.อ. ปรีชา จันทร์โอชา ส่อเอื้อประโยชน์ลูกชายรับเหมาก่อสร้างโครงการรัฐ ชี้ประสบการณ์น้อยแต่ได้งานร่วม 100 ล้าน แถมได้งานในสมัยที่ พล.อ. ปรีชา เป็นแม่ทัพภาค 3
วันที่ 22 กันยายน 259 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ตรวจสอบ พล.อ. ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย
พล.ท. สาธิต พิธรัตน์ อดีตแม่ทัพภาค 3
นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก
นายชลธร ปั่นเจริญ ผอ.สำนักงานทรัพยากรน้ำ ภาค 9 กรมทรัพยากรน้ำ
กรณีใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ช่วยเหลือห้างหุ้นส่วนจำกัด คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ที่มี นายปฐมพล จันทร์โอชา บุตรชาย พล.อ. ปรีชา ให้ได้รับงานก่อสร้างในหน่วยงานต่าง ๆ โดยผ่านการประมูล
ทั้งนี้ นายศรีสุวรรณ ระบุว่า กรณีที่บุตรชายของ พล.อ. ปรีชา เป็นคู่สัญญาได้รับเหมางานก่อสร้างนั้นมีมูลค่ารวมทั้งหมด 155 ล้านบาท ในช่วงปี 2557-2559 ทั้งนี้พบข้อพิรุธคือ ห้างหุ้นส่วนจำกัดที่บุตรชายของ พล.อ. ปรีชาถือหุ้นอยู่นั้น จดทะเบียนเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2555 ด้วยทุนเริ่มแรก 1 ล้านบาท กระทั่งปี 2556 ได้จดทะเบียนเพิ่มทุนเป็น 1.5 ล้านบาท โดยในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น พล.อ. ปรีชา ดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพภาค 3 ถือว่ามีบารมีกว้างขวางในพื้นที่ จึงน่าจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวสามารถเข้าประมูลงานและทำสัญญาก่อสร้างในโครงการต่าง ๆ ของกองทัพภาค 3 ได้มากมาย
อีกทั้งทุนที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดจดทะเบียนไว้แค่ 1.5 ล้านบาท ยังไม่มีประสบการณ์เป็นรูปธรรมมากพอ แต่เหตุใดจึงประมูลงานดังกล่าวได้ และเป็นคู่สัญญากับกองทัพภาค 3 จึงอยากให้ทาง ป.ป.ช. ตรวจสอบว่ามีการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันหรือไม่ โดยสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญเห็นว่า การเข้ามาเป็นคู่สัญญากับกองทัพภาค 3 และหน่วยงานในพื้นที่ น่าจะเข้าข่ายความผิดดังนี้
- พ.ร.บ.การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542
- พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 100
- พ.ร.บ.ความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502
- ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535
นายศรีสุวรรณ ระบุอีกว่า ที่ผ่านมา คสช. เคยโจมตี, ตำหนินักการเมือง หรือผู้มีอำนาจรัฐในการใช้อำนาจหน้าที่ไปทำสัญญารัฐ แต่เมื่อมาถึงยุคปฏิรูป ที่ให้ความสำคัญเรื่องจริยธรรม ก็ยังมีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้น และเกิดขึ้นกับคนที่ใช้นามสกุลเดียวกับนายกรัฐมนตรี จึงอยากทราบว่า นายกฯ จะจัดการเรื่องนี้อย่างไร ถึงแม้ว่า พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 100 นั้นจะระบุเรื่องการขัดกันของผลประโยชน์ว่าเกี่ยวข้องเฉพาะกับนายกรัฐมนตรี ครม. หัวหน้าและรองหัวหน้าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่รวมถึงภริยา และลูกเมีย แต่กรณีที่เกิดขึ้น ป.ป.ช. จะต้องเข้าไปไต่สวนว่า มีการใช้อำนาจหน้าที่เข้าไปเอื้อประโยชน์ให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดของบุตรชาย พล.อ. ปรีชา หรือไม่ เพราะมีทุนจดทะเบียนแค่ 1.5 ล้านบาท แต่สามารถมารับงานโครงการต่าง ๆ ที่มีมูลค่ารวมถึง 155 ล้านบาทได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค3
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก