เปิดที่มาของ "ถนนรัชดาภิเษก" และเรื่องที่ควรรู้ของพ่อผู้ทรงงานหนักเพื่อประชาชน

 
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

          บันทึกของ ดร.วิษณุ เครืองาม ถึงเรื่องที่ควรรู้ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กษัตริย์ผู้ทรงงานหนักเพื่อประโยชน์ของประชาชน

          เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2559 คุณ บทเพลงปีศาจ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้ตั้งกระทู้บอกเล่าบันทึกของ ดร.วิษณุ เครืองาม ถึงที่มาของ "ถนนรัชดาภิเษก" และเรื่องราวที่พิสูจน์ได้ว่า ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงเห็นแก่ประชาชนมากกว่าความสุขของพระองค์เอง ดังนี้



          ในฐานะที่ทำงานอยู่ในทำเนียบรัฐบาลโดยหน้าที่ต่าง ๆ กันถึง 15 ปี ขอยืนยันว่าพระองค์ทรงมีมาตรฐานเดียวโดยตลอดจะต่างกันก็ที่โอกาส เช่น คณะรัฐมนตรีบางคณะเข้ามาในช่วงที่ทรงพระประชวร บางคณะมีราชการงานเมืองต้องเข้าเฝ้าฯ ขอพระราชทานมหากรุณาบ่อยหรือห่างตามเหตุการณ์ ในการมีพระราชดำริ พระราชดำรัส และการทรงงานใด ๆ ไม่มีเลยสักเรื่องที่จะแสดงว่าทรงรับเอาประโยชน์ส่วนพระองค์แม้พสกนิกรจะเต็มใจถวาย

          - สมัยจอมพลถนอมเป็นนายกฯ คราวหนึ่งประจวบโอกาสครองราชย์ครบ 25 ปี (พ.ศ. 2514) รัฐบาลจะสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์และถาวรวัตถุใหญ่โตที่สุดในประเทศถวาย ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งว่า "สิ้นเปลืองและไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน สร้างถนนกันรถติดดีกว่า" และนี่จึงเป็นที่มาของ "ถนนรัชดาภิเษก"

          - สมัยคุณบรรหารเป็นนายกฯ เคยกราบบังคมทูลว่าจะสร้างทาวเวอร์หรือหอคอยสูงใหญ่ข้างสะพานพระราม 9 ใช้เป็นหอดูวิว หอโทรคมนาคม และเฉลิมพระเกียรติ พระองค์ท่านทรงมีพระราชกระแสรับสั่งว่า "เทคโนโลยีสมัยนี้ไม่ต้องสร้างหอโทรคมนาคมและเปลืองเงินเปล่า ๆ"

          - นายกฯ คนหนึ่ง เคยกราบบังคมทูลถามว่าที่ พระอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรฯ หน้าทำเนียบรัฐบาลนั้น ตอนพลบค่ำคนมักมาจุดประทัดแก้บน บางทีก็ยิงปืนสนั่นหวั่นไหว ดังรบกวนมาถึงสวนจิตรฯ หรือไม่ พระองค์ท่านทรงมีพระราชกระแสรับสั่งว่า "อยู่ที่หลักการว่าทำอย่างนั้นผิดกฎหมายไหม ถ้าผิดก็ต้องห้าม แต่ถ้าเป็นเสรีภาพก็ต้องปล่อยไป รำคาญหนวกหูก็ต้องทน อย่าใช้มาตรฐานสวนจิตรฯ หรือทำเนียบรัฐบาลมาตัดสิน"

          - สมัยนายกฯ ทักษิณ เคยกราบบังคมทูลว่า เมื่อประทับรักษาพระองค์ที่วังไกลกังวลอย่างนี้ รัฐบาลจะขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สำนักพระราชวังปรับปรุงวังไกลกังวล ให้สะดวกสบายสมกับที่จะใช้เป็นที่ประทับยาวนานรวมทั้งจะปรับปรุงโรงพยาบาลหัวหินให้ทันสมัยพร้อมทุกประการ ทรงพระราชกระแสรับสั่งว่า การปรับปรุงโรงพยาบาลเป็นประโยชน์แก่ทุกคนถ้ามีงบก็ควรทำ แต่การปรับปรุงวังไกลกังวลเป็นเรื่องพระสำราญ "แค่นี้ก็พออยู่พอเพียงแล้ว"

          - รัฐบาลหลายคณะเคยออกกฎหมายที่มุ่งจะเฉลิมพระเกียรติ เช่น มีคำว่า "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช" ทรงมีพระราชกระแสให้รัฐบาลนำกลับไปปรับปรุงเพราะไม่อาจทรงสถาปนาพระองค์เองได้ เช่นเดียวกับที่ใน พ.ศ. 2512 ไม่ทรงลงพระปรมาภิไธยในร่างพระราชบัญญัติยศทหารซึ่งถวายพระยศทางทหารเป็นจอมพลจนร่างพระราชบัญญัตินั้นตกไปเองในที่สุด

          - รัชกาลที่ 9 ทรงลงพระปรมาภิไธยตรากฎหมายมาแล้วทั้งที่เป็นพระราชบัญญัติ พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกานับหมื่นฉบับ ทรงวินิจฉัยฎีกานักโทษ ฎีการ้องทุกข์ขอพระราชทานความเป็นธรรมอีกหลายพันราย บางรายขอพระราชทานยืมเงิน บางรายขอความเป็นธรรมเรื่องแต่งตั้งโยกย้าย รายหนึ่งพ่อตาย ลูกชายบวชหน้าไฟให้พ่ออยู่มาก็ไม่ยอมสึก แม่มีลูกชายคนเดียวทำหนังสือถวายฎีกาว่าเดือดร้อนหนัก ขอพระมหากรุณาให้ลูกสึกมาช่วยเลี้ยงแม่เถิด โปรดให้ตรวจสอบแล้วมีพระราชกระแสว่า แท้จริงแม่ไม่ได้อยากให้ลูกสึก แต่ปัญหาคือแม่ลำบากยากจน จึงโปรดให้กรมประชาสงเคราะห์เข้าไปช่วยดูแล สอนอาชีพให้และหาเครื่องมือทำมาหากินไปให้แม่ ลงท้ายแม่ก็ทำมาหากินได้ ส่วนลูกก็อยู่ไปจนเป็นสมภาร

          - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ทรงสงเคราะห์ทั้งส่วนรวมและพระองค์เองเพื่อจะได้มีพระพลามัยดี ทรงดนตรี ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือ ทรงเล่นคอมพิวเตอร์ ทรงฉายภาพ ทรงกีฬา ทรงวาดรูป ปั้นรูป ทรงงานไม้งานช่าง จะทรงจับงานด้านใดก็ทรงทำได้ดี ที่คนไม่ใคร่ทราบคือ ทรงสนพระราชหฤทัยเป็นพิเศษในเรื่องภาษาไทย การศึกษา ระบบสิ่งแวดล้อม การสาธารณสุข และพุทธศาสนา ส่วนที่ทรงพระปรีชาทางดิน น้ำ ระบบระบายน้ำ และการแก้ปัญหาจราจรนั้นเป็นที่ทราบทั่วไปอยู่แล้ว เมื่อครั้งยังเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตนเคยได้รับพระมหากรุณาพระราชทานคำแนะนำเรื่องการใช้ถ้อยคำภาษาไทยหลายหน

          - ครั้งหนึ่งได้ถวาย "รายชื่อ" บุคคลให้ทรงแต่งตั้ง รับสั่งถามว่าตั้งกี่คน ตนกราบบังคมทูลว่าคนเดียว ทรงมีพระราชดำรัสว่าคนเดียวเรียกว่า "ชื่อ" ถ้า "รายชื่อ" ต้องหลายคน

          - อีกคราวหนึ่ง มีหนังสือกราบบังคมทูลว่า "ทูลเกล้าทูลกระหม่อมมาเพื่อทรงพิจารณา" ทรงพระสรวลตรัสว่า "ถ้าทูลเกล้าทูลกระหม่อมก็อยู่บนกระหม่อมยังไม่ถึงฉัน ถ้าจะให้ถึงฉัน ต้องทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายมาเพื่อทรงพิจารณา"


          - ในทางพระพุทธศาสนาก็ปรากฏว่าทรงรอบรู้ทั้งในทางปฎิบัติและปริยัติ เมื่อมีพระราชดำรัสถึงเหตุการณ์ครั้งใดจะทรงย้อนไปถึงเรื่องราวครั้งเก่าก่อน เช่น ครั้งสมเด็จพระสังฆราชยังเป็นพระญาณวราภรณ์ หรือครั้นเจ้าคุณประยุทธยังเป็นพระราชวรมุนี และเคยตรัสเล่าเรื่องราวความเป็นอัครศาสนูปถัมภกว่า ต้องทรงอุปถัมภ์ และคุ้มครองทุกศาสนา โดยไม่เลือกปฏิบัติ ทรงเล่าพระราชทานว่าครั้งหนึ่งควีนจากประเทศหนึ่งทูลถามว่า พุทธศาสนาไม่มีพระเจ้าแล้วชาวพุทธนับถืออะไรกันเหตุใดไม่ยกพระพุทธเจ้าเป็นพระเจ้าเสียเลย ทรงตอบว่า พุทธศาสนานับถือ "ธรรม" เรานับถือธรรมยิ่งกว่าพระพุทธเจ้าเสียอีก เพราะธรรมเป็นเครื่องคุ้มครองโลก และมีพระราชดำรัสต่อไปว่าแม้ศาสนาอื่นก็ยังต้องทรงอุปถัมภ์ ฉะนั้นในฝ่ายพุทธศาสนาขอให้ทุกคนวางใจเถิดว่าจะเป็น เถรวาท มหายาน รามัญนิกาย มหานิกาย ธรรมยุต ก็ต้องทรงคุ้มครองและพระราชทานความเป็นธรรมเสมอกัน

          - รัชกาลที่ 5 นั้น อะไรที่ไม่เคยมีและไม่มีคนไทยคนใดนึกว่าชีวิตนี้จะมีแต่ก็ทรงบันดาลวางรากฐานให้มีขึ้น เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล รถไฟ ไปรษณีย์ เลิกทาส จนคนรุ่นก่อนหน้านั้นต้องคิดว่าเหลือเชื่อ แต่รัชกาลที่ 9 นั้น อะไรที่ควรจะมี ควรจะคิดออก ควรจะทำเป็นนานแล้ว แต่ผู้มีอำนาจหน้าที่ไม่ใคร่คิดไม่ใคร่ทำ ก็ทรงบันดาลหรือวางรากฐานให้มีให้เป็นขึ้น อาทิ เขื่อน ฝาย ประตูระบายน้ำ ถนน สะพาน การสงเคราะห์คนเป็นโรคเรื้อน คนประสบภัยธรรมชาติ การแก้ปัญหาจราจร การเพิ่มผลผลิตการเกษตร การแก้ปัญหาความยากจน ปัญหาพลังงาน

          ในบันทึกของ ดร.วิษณุ เขียนว่า สมัยผมเป็นเลขาธิการ ครม. ต้องทูลเกล้าฯ ถวายเอกสารใส่ซองขนาดใหญ่สีขาวเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งต่อไป หน้าซองไม่ต้องเขียนเลขที่หนังสือ จะได้หมุนเวียนกลับลงมาใช้หลายหน ไม่ต้องทิ้ง แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ ก็ควรประหยัด เวลาร่างกฎหมายโปรดให้ถวายปะหน้า 2 แผ่น เผื่อว่าทรงลงพระปรมาภิไธยแล้วหมึกซึมเลอะจะได้ประหยัดเวลาไม่ต้องรอถวายใหม่ เวลาตั้งรัฐมนตรีใหม่จะต้องเข้าเฝ้าฯ  ถวายสัตย์ปฏิญาณ ทรงมีพระราชดำรัสว่าให้รีบมาจะได้รีบไปทำงานไม่ต้องห่วงว่าติดเสาร์-อาทิตย์ ประเทศไทยพระเจ้าแผ่นดินไม่มีวันหยุดราชการ

          - เมื่อปี 2538 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีสวรรคต ลองคิดดูว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช พระองค์ท่านจะทรงวิปโยคขนาดไหน เสด็จฯ ไปทรงสดับพระพิธีธรรมที่พระที่นั่งดุสิตฯ ทุกราตรี แต่ทราบกันบ้างหรือไม่ว่าพอพระสวดจบเสด็จฯ ลงมาประทับที่พระที่นั่งราชกรัณยสภาใกล้ ๆ กัน พระราชทานคำแนะนำการแก้ปัญหาจราจรแทบทุกคืน

          - ปี 2553 อยู่ระหว่างทรงพระประชวรประทับในโรงพยาบาล พระราชกรณียกิจอื่นภายนอกโรงพยาบาลทรงงดเสียเกือบสิ้น แต่การเสด็จฯ ไปเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ ทอดพระเนตรโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมและเปิดสะพานระบายการจราจรเพื่อพสกนิกรของพระองค์ เป็นเรื่องที่ทรงถือเป็นกิจสำคัญ

          - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นยอดแห่งผู้อดทน อดกลั้น ในการประกอบพระราชกรณียกิจนั้นย่อมมีทั้งร้อนทั้งหนาวยาวนานและเหนื่อยหนัก ดูเอาจากการพระราชทานปริญญาบัตรแม้แต่ที่ต้องทรงอดกลั้นด้วยขันติบารมีในคำจ้วงจาบหรือระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทอีกไม่รู้เท่าไร อย่าลืมว่าพระชนมพรรษา 83 แล้ว ทรงงานมา 64 ปีแล้ว

          ดาไลลามะ เคยพูดว่า "ใครอย่ามาชมตัวท่านเลยว่าเป็นยอดคน ไปดูที่พระเจ้าแผ่นดินเมืองไทยเถิด"

          ตนเคยไปเฝ้าฯ เจ้าชายจิกมี กษัตริย์แห่งภูฏาน ทรงตรัสว่า "กษัตริย์ของท่านเป็นแบบอย่างของข้าพเจ้าในการจะครองราชย์ให้คนรัก"

          สุลต่านบรูไนที่เป็นผู้แทนกษัตริย์ 25 ประเทศ ถวายพระพรในคราวฉลองการครองราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อ พ.ศ. 2549 เคยทูลว่า การครองราชย์นานถึง 60 ปีเป็นเพียงตัวเลข สำคัญอยู่ที่ว่า 60 ปีนั้นได้ทำอะไร

          "เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าฝ่าพระบาททรงทำทุกอย่างตลอด 60 ปี ให้เป็นประโยชน์ต่อชาวไทย ชาวเอเชีย และชาวโลก วาระนี้จึงทรงเป็นความภาคภูมิใจของบรรดาพระราชามหากษัตริย์ทั้งปวงโดยทั่วกัน"

          เมื่อวันเฉลิมพระชนมพรรษาปี 2552 มีพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า "ความสุขความสวัสดีของพระองค์จะมีได้ก็ด้วยการที่บ้านเมืองมีความเรียบร้อย"

          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ทรงให้พวกเรามาตลอด แต่พระราชดำรัสนี้มีนัยเป็นทั้งสิ่งที่ "ทรงหวัง" "ทรงบอกให้รู้" และ "ทรงขอ" ซึ่งน่าจะทรงประสงค์ยิ่งกว่าคำถวายพระพร "ทรงพระเจริญ"


ข้อมูลและภาพจาก  คุณ บทเพลงปีศาจ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดที่มาของ "ถนนรัชดาภิเษก" และเรื่องที่ควรรู้ของพ่อผู้ทรงงานหนักเพื่อประชาชน อัปเดตล่าสุด 2 พฤศจิกายน 2559 เวลา 00:19:59 38,322 อ่าน
TOP
x close