ตำรวจแถลงจับแม่ค้าเฟซบุ๊กไลฟ์ขายแบรนด์เนมก๊อป พบของกลางเพียบ



แถลงผลจับกุมแม่ค้าเฟซบุ๊กไลฟ์ขายแบรนด์เนมก๊อป

          กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ แถลงผลจับกุมแม่ค้าเฟซบุ๊กไลฟ์ขายแบรนด์เนมก๊อป ยึด กระเป๋า-เสื้อ-นาฬิกา เพียบ พร้อมเตือนประชาชนไม่ควรสนับสนุน หวั่นเสียหายภาคเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ประเทศ

          เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2559 พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย นายสมบูรณ์ เฉยเจริญ ผู้อำนวยการสำนักป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกันแถลงข่าวผลการตรวจค้นจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการละเมิดสินค้าทางปัญญาบนอินเทอร์เน็ต สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย ดังนี้

​          1. เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2559 เวลา 13.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ. นำหมายค้นของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ที่ 706/2559 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2559 เข้าทำการตรวจค้นที่บ้านพักย่านดอนเมือง กรุงเทพฯ ได้จับกุมตัว น.ส.ชุติกาญจน์ เพ็ชรประกอบ อายุ 20 ปี พร้อมด้วยของกลาง ได้แก่ เสื้อและกางเกง ปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อ อดิดาส จำนวน 214  ชิ้น และเสื้อปลอมเครื่องหมายการค้าซึ่งบรรจุซองพร้อมส่งไปรษณีย์ จำนวน 5 ชิ้น รวมของกลางจำนวน 219 ชิ้น มูลค่าความเสียหายประมาณ 219,000 บาท

          โดย น.ส.ชุติกาญจน์ เพ็ชรประกอบ ยอมรับว่า เป็นผู้เสนอจำหน่ายสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยการถ่ายทอดภาพสดผ่านโปรแกรม Facebook Live เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า "เสนอจำหน่าย  มีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร" และได้ควบคุมตัวพร้อมของกลาง ส่ง พงส.กก.4 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
แถลงผลจับกุมแม่ค้าเฟซบุ๊กไลฟ์ขายแบรนด์เนมก๊อป

          2. เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2559 เวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ. นำหมายค้นของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ที่ 707/2559 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2559  เข้าทำการตรวจค้นบ้านพักใน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้จับกุมตัว น.ส.ภัณฑิรา วงศ์อุดมมงคล อายุ 26 ปี พร้อมด้วยของกลาง ได้แก่ กระเป๋าปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อ ชาแนล, แอร์เมส, หลุยส์วิตตอง, เอ็มซีเอ็ม จำนวน 114 ใบ และนาฬิกาปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อแอร์เมส, ปาเต็กฟิลลิป จำนวน 12 เรือน รวมของกลาง 126 ชิ้น มูลค่าความเสียหายประมาณ 126,000 บาท

          โดย น.ส.ภัฑทิรา วงษ์อุดมมงคล ยอมรับว่า เป็นผู้เสนอจำหน่ายสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยการถ่ายทอดภาพสดผ่านโปรแกรม Facebook Live เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า "เสนอจำหน่าย  มีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร" และได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่ง พงส.กก.4 บก.ปอศ.  เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แถลงผลจับกุมแม่ค้าเฟซบุ๊กไลฟ์ขายแบรนด์เนมก๊อป

​          3. เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2559 เวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. นำหมายค้นของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ที่ 712/2559  ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2559 เข้าทำการตรวจค้นภายในอาคารแขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ได้จับกุมตัว น.ส.นิตยา แดงชำรัมย์ อายุ 22 ปี พร้อมด้วยของกลาง ได้แก่ กระเป๋าปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อแอร์เมส, พราด้า, หลุยส์วิตตอง, ลิน และยี่ห้อเอ็มซีเอ็ม  รวมของกลางจำนวน 50 ชิ้น มูลค่าความเสียหายประมาณ 50,000 บาท

          โดย น.ส.นิตยา แดงชำรัมย์ ยอมรับว่า เป็นผู้เสนอจำหน่ายสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยการถ่ายทอดภาพสดผ่านโปรแกรม Facebook Live เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า "เสนอจำหน่าย มีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร" และได้ควบคุมตัวพร้อมของกลาง ส่ง พงส.กก.3 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แถลงผลจับกุมแม่ค้าเฟซบุ๊กไลฟ์ขายแบรนด์เนมก๊อป

          รวมจับกุมทั้งสิ้น จำนวน 3 ราย ผู้ต้องหา 3 คน ของกลาง 395 ชิ้น มูลค่าความเสียหาย 395,000 บาท
 
          ทั้งนี้ บก.ปอศ. ขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า นโยบายของคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติได้มีการเน้นให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งกวดขันปราบปรามจับกุมการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งการเสนอจำหน่ายหรือขายสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้าหรือละเมิดลิขสิทธิ์สินค้าของผู้อื่นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก (Facebook Live), อินสตาแกรม (Instagram) และไลน์ (Line) เป็นต้น ตามความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 และ/หรือ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2550 ตามมาตรา 108 และ 110 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

          ส่วนประชาชนผู้บริโภคเองนั้นก็ไม่ควรซื้อหรือให้การสนับสนุนสินค้าที่ละเมิดเครื่องหมายการค้าหรือละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะอาจได้สินค้าที่ไม่มีคุณภาพและอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อีกทั้งยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ประเทศไทยถูกกีดกันทางการค้าในเวทีการค้าโลก อันจะทำให้เกิดความเสียหายต่อภาคเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศไทย

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ตำรวจแถลงจับแม่ค้าเฟซบุ๊กไลฟ์ขายแบรนด์เนมก๊อป พบของกลางเพียบ อัปเดตล่าสุด 28 พฤศจิกายน 2559 เวลา 11:45:58 55,488 อ่าน
TOP
x close