x close

ชาวเลราไวย์ หลั่งน้ำตาศาลยกฟ้องคดีถูกไล่ที่ เพราะหลักฐานสำคัญด้วยพระบารมี

ชาวเลราไวย์ หาดราไวย์ ภูเก็ต

ชาวเลราไวย์ หาดราไวย์ ภูเก็ต

         ชาวเลราไวย์ น้ำตาไหลด้วยความดีใจ หลังศาลชั้นต้นจังหวัดภูเก็ต พิพากษายกฟ้องคดีที่ชาวเลราไวย์ถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ที่อยู่มา 7 ชั่วอายุคน โดยมีหลักฐานสำคัญเป็นภาพของในหลวง ร.9 เสด็จฯ เยือนหมู่บ้านเมื่อปี 2502

         เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2560 มีรายงานว่า กลุ่มชาวเลราไวย์กว่า 100 คน พร้อมกับสื่อมวลชนจำนวนมากต่างมารอฟังผลของศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ได้อ่านคำพิพากษาคดีที่ นางบุญศรี ตันติวัฒนวัลลภ กับพวก 2 คน ทายาทของนายทัน มุกดี ที่อ้างว่าเป็นผู้ครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) และต่อมาได้มีการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 8324 เนื้อที่ 12 ไร่ ม.2 บ้านราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นฝ่ายโจทก์ ได้ยื่นฟ้องขับไล่จำเลย ประกอบด้วย นายแอ่ว หาดทรายทอง, นายวรณัน หาดทรายทอง, นายบัญชา หาดทรายทอง และนายนิรันดร์ หยังปาน รวม 4 คดี ออกจากพื้นที่ดังกล่าว
ชาวเลราไวย์ หาดราไวย์ ภูเก็ต

         โดยศาลได้พิพากษายกฟ้อง เนื่องจากมีการพิจารณาในหลายประเด็น โดยเฉพาะภาพการเสด็จประพาสหมู่บ้านชาวเลของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อปี พ.ศ. 2502 ซึ่งภายในภาพปรากฏต้นมะพร้าวที่ฝ่ายโจทก์อ้างว่ามีอายุเพียง 10 ปี แต่จากการตรวจสอบพบว่า ต้นมะพร้าวมีอายุ 30 ปี ทำให้เห็นว่าข้อมูลมีความขัดแย้งกัน รวมทั้งยังพบว่าหลักฐานอื่น ๆ ของโจทก์มีพิรุธหลายประเด็น

         นายนิรันดร์ หยังปาน แกนนำชาวเลราไวย์และหนึ่งในจำเลยที่ถูกฟ้องขับไล่ กล่าวว่า ดีใจที่ศาลมองเห็นว่าวิถีชีวิตและชาติพันธุ์ของชาวเลราไวย์มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ยอมรับว่าวันนี้ค่อนข้างกังวลว่าศาลจะไม่พิจารณายกฟ้องเหมือนคดีก่อนหน้านี้ ที่มีชาวเลราไวย์ถูกฟ้องขับไล่ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2559 แต่พอวันนี้ได้ฟังศาลอ่านคำพิพากษาก็โล่งใจ และหลังจากนี้เชื่อว่าอีกฝ่ายคงจะยื่นอุทธรณ์ ซึ่งเราไม่มีความรู้ด้านกฎหมายแต่ก็คิดว่าศาลอุทธรณ์น่าจะนำข้อมูลของศาลชั้นต้นไปร่วมพิจารณาด้วย ส่วนแนวทางการต่อสู้คดีก็จะเน้นในเชิงวัฒนธรรม และเอาความจริงมาสู้กัน ตอนนี้ถือว่าคดียังไม่สิ้นสุด เนื่องจากมีชาวบ้านถูกฟ้องขับไล่อีก 117 ราย ซึ่งศาลยกฟ้องไปแล้ว 6 ราย ส่วนคนที่แพ้ก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน

ชาวเลราไวย์ หาดราไวย์ ภูเก็ต

         นายนิรันดร์ กล่าวทั้งน้ำตาว่า การต่อสู้คดีในครั้งนี้ต้องขอขอบคุณกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม หน่วยนิติวิทยาศาสตร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยรวบรวมหลักฐานจนศาลมองเห็นว่าชาวเลราไวย์เป็นผู้ใช้ประโยชน์ที่ดินโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย รวมทั้งยังเป็นเพราะพระมหากรุณาและพระบารมีของในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จฯ เยือนชาวเลราไวย์เมื่อปี 2502 ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญ
ชาวเลราไวย์ หาดราไวย์ ภูเก็ต

         ทั้งนี้ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวมีชาวเลราไวย์อาศัยกันอยู่อย่างหนาแน่น ประมาณ 2,067 ครัวเรือน เนื้อที่ประมาณ 19 ไร่ โดยชาวเลราไวย์อ้างว่าได้อาศัยทำมาหากิน ตั้งบ้านเรือนและมีวัฒนธรรมเป็นของตัวเองมานาน 7 ชั่วอายุคน แต่ไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย ต่อมาได้ถูกบุคคลภายนอกที่เข้ามาอาศัยในพื้นที่แจ้งครอบครองเอกสารสิทธิในที่ดินและฟ้องขับไล่ชาวเลราไวย์ ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ชาวเลราไวย์ออกจากพื้นที่แล้ว 9 ราย และมีคดีอยู่ระหว่างการอุทธรณ์คำพิพากษา เนื่องจากชาวเลราไวย์ไม่สามารถหาพยานหลักฐานมาหักล้างเอกสิทธิของฝ่ายโจทก์ ซึ่งเป็นเอกสารมหาชนที่ออกโดยรัฐ

ชาวเลราไวย์ หาดราไวย์ ภูเก็ต

         ต่อมาทางดีเอสไอได้เข้าสอบสวนและหาหลักฐานมาพิสูจน์สิ่งที่ชาวเลราไวย์ได้กล่าวอ้าง โดยอาศัยข้อมูลจากภาพถ่ายทางอากาศย้อนอดีต โครงกระดูกที่ขุดพบว่า DNA มีความสัมพันธ์กับคนในชุมชนหรือไม่ โดยเฉพาะข้อมูลจากทะเบียนนักเรียนเล่มแรกของชาวเลราไวย์เมื่อปี 2497 ของโรงเรียนวัดสว่างอารมณ์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งพบว่าชาวเลราไวย์ได้อาศัยอยู่ก่อนที่จะมีการออกใบ ส.ค.1 และโฉนดที่ดินของโจทก์ และได้นำข้อมูลดังกล่าวมายื่นต่อศาลเพื่อให้พิจารณาด้วยความเป็นธรรม

ชาวเลราไวย์ หาดราไวย์ ภูเก็ต

ชาวเลราไวย์ หาดราไวย์ ภูเก็ต

ภาพและข้อมูลจาก
, เฟซบุ๊ก เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ชาวเลราไวย์ หลั่งน้ำตาศาลยกฟ้องคดีถูกไล่ที่ เพราะหลักฐานสำคัญด้วยพระบารมี อัปเดตล่าสุด 1 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 14:36:01 128,861 อ่าน
TOP