รอง ผบช.น. เช็กกล้องตรวจจับความเร็ว พบผู้ทำผิดกฎออกใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ถึงบ้านทันที ไม่จ่ายใน 30 วัน โดนติดแบล็กลิสต์ธุรกรรมเกี่ยวกับรถ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 พล.ต.ต. จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. ซึ่งรับผิดชอบกำกับงานจราจร ได้ลงพื้นที่ที่สะพานลอยข้ามแยกเกษตร ฝั่งถนนวิภาวดีรังสิต ตรวจการเริ่มใช้กล้องตรวจจับความเร็ว และผู้ฝ่าฝืนกฎจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิต พร้อมดำเนินการออกใบสั่งผู้กระทำผิดกฎจราจรโดยใช้ภาพถ่ายและใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์
พล.ต.ต. จิรพัฒน์ เปิดเผยว่า
กล้องจับความเร็วนี้สามารถตรวจจับได้ทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์
บันทึกได้ทั้งภาพนิ่งและภาพวิดีโอ
โดยจากนี้จะออกใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ส่งไปยังที่อยู่ของเจ้าของรถ
ซึ่งผู้ที่ได้รับใบสั่งจะต้องชำระค่าปรับภายใน 7 วัน หากไม่ชำระจะมีใบเตือน
แต่ถ้าหากยังไม่ชำระอีกภายใน 30 วัน
ก็จะนำไปสู่การติดแบล็กลิสต์ในการต่อทะเบียน ต่อประกันรถ
การทำธุรกรรมกับรถในอนาคต
ทั้งนี้ รอง ผบช.น.
ระบุอีกว่า การชำระค่าปรับจากใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ สามารถทำได้ 3 ช่องทาง
คือ สถานีตำรวจพื้นที่ถูกออกใบสั่ง เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย
และตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย ซึ่งปัจจุบันมีกล้องตรวจจับความเร็ว
หรือกล้องตรวจจับชนิดติดแบบตายตัว (Lane Check) ทั่วพื้นที่นครบาลทั้งสิ้น
14 ตัว ส่วนพื้นที่รับผิดชอบจำนวน 88 สน.
จะมีกล้องภาพนิ่งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรของท้องที่คอยจับภาพผู้กระทำความผิด
พร้อมมั่นใจว่ามาตรการดังกล่าวจะสามารถนำไปสู่การแก้ปัญหาผู้ฝ่าฝืนการจราจรได้
สำหรับ พื้น สน.วิภาวดี พบว่า มีผู้ถูกออกใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์แล้วกว่า
1,000 คน เฉลี่ยมีรถทำผิดกฎจราจรในพื้นที่นี้วันละ 300 กว่าคัน
ความผิดที่พบบ่อย คือ ใช้ความเร็วเกินกำหนด และรถจักรยานยนต์วิ่งในช่องทางด่วน ส่วนภาพรวมที่พบการทำผิดบ่อย คือ
รถจักรยานยนต์ขี่ย้อนศร รถจักรยานยนต์วิ่งบนฟุตปาธ วิ่งปาดทับเส้นทึบ เบียดคอสะพาน
และพื้นที่คับขัน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้การจราจรติดขัด
ภาพจาก
ข่าวช่อง8อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก