DSI เข้าค้นวัดพระธรรมกายวันที่ 2 เน้นค้นโซน C พาสื่อตรวจสอบมหาวิหารมงคลเทพมุนี ไม่พบพระธัมมชโย ย้ำจำต้องใช้กฎหมายพิเศษหากพบผู้ขัดขวาง
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่วัดพระธรรมกายตลอดคืนจนถึงช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ยังสนธิกำลังตั้งจุดสกัด จุดตรวจค้น ตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ให้วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ โดยในช่วงเช้าวันนี้มีการเข้าตรวจค้นอีกครั้งในเวลา 08.00 น. หลังการตรวจค้นเมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ไม่พบตัวพระธัมมชโย
พ.ต.อ. ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกาย เป็นวันที่ 2 เน้นตรวจค้นบริเวณโซน C ก่อนนำเจ้าหน้าที่พร้อมสื่อมวลชนเข้าตรวจค้นภายในวัด โดยมี พระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี มาร่วมพูดคุยในครั้งนี้ด้วย ซึ่งการเข้าตรวจค้นในวันนี้เจ้าหน้าที่ DSI ได้นำสื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการณ์ โดยแบ่งชุดปฏิบัติการออกเป็น 4 ชุด เข้าค้นพื้นที่ C1 ถึง C4 และพื้นที่โซน B โดยมีเจ้าหน้าที่ของทางวัดพระธรรมกายเป็นผู้นำเข้าตรวจค้น และหากพบผู้ใดมีพฤติการณ์ขัดขวางจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษ
โดยทางดีเอสไอได้นำสื่อมวลชนเข้าร่วมตรวจสอบภายในมหาวิหารมงคลเทพมุนี สถานที่ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ อยู่ในเนื้อที่ 2,600 ตารางเมตร ที่เปิดทุกวันอาทิตย์ เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ได้เข้ามากราบนมัสการหลวงปู่สด โดยตัวแทนของทางวัดพระธรรมกาย ได้นำเจ้าหน้าที่เดินตรวจค้นไปตามจุดต่าง ๆ และเปิดห้องต่าง ๆ ให้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปบันทึกภาพและตรวจสอบ พร้อมกับอธิบายว่าห้องต่าง ๆ นั้น ใช้ในภารกิจอะไรบ้าง ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการร่วมตรวจค้นนานประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ยังไม่พบตัว พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
อย่างไรก็ตาม การเข้าตรวจค้นในวันนี้ เจ้าหน้าที่ต้องการตัวบุคคลที่มีหมายจับ คือ พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย มาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยวันนี้จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทั้งเข้าไปตรวจค้นภายในวัด และตั้งด่านอยู่บริเวณโดยรอบวัดพระธรรมกาย รวมทั้งหมดประมาณ 4,200 นาย ส่วนจะอยู่ในวัดหรือไม่นั้น ต้องรอตรวจค้นให้เสร็จสิ้นก่อนจึงจะตอบได้ พร้อมแนะว่าขณะนี้ทางออกที่ดีที่สุดคือ การที่พระธัมมชโยเข้ามอบตัวเอง และสามารถนำเอกสารมาชี้แจงได้เต็มที่หากมั่นใจว่าบริสุทธิ์ เชื่อวันนี้หากไม่มีมวลชนขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ก็จะทำให้ปฏิบัติการได้รวดเร็ว แต่หากพบว่า บุคคลใดมีพฤติการณ์จงใจขัดขวางเจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษดำเนินการ
