
ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวของสังคมไทย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันนี้ยิ่งทวีความรุนแรงออกมาให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ ดังที่มีตัวอย่างให้พบเห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์ หรือในโลกโซเชียลมีเดียอยู่ทุกวัน สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจของผู้ถูกกระทำ ทั้งนี้ ได้แต่หวังว่าสักวันความรุนแรงเหล่านี้...จะหมดไปจากสังคมไทย
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2560 พลเมืองดีร้องเรียนผ่าน เฟซบุ๊ก มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ขอให้ช่วยเหลือเด็กหญิงแดง (นามสมมติ) วัย 5 ขวบ ที่ถูกแม่แท้ ๆ ทำร้ายทุบตีอย่างหนัก ศีรษะบวมบูด มีร่องรอยเขียวช้ำที่ใบหน้าและทั่วร่างกาย ทำให้เพื่อนบ้านละแวกนั้นทนไม่ไหวกับการกระทำอันเกินกว่าเหตุนี้ และเกรงว่าเด็กจะได้รับอันตรายจึงได้ร้องเรียนมายังเฟซบุ๊กมูลนิธิปวีณาฯ
ต่อมา หลังจากได้รับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้ประสาน พ.ต.อ. สรัลพัฒน์ ยศสมบัติ ผกก.สภ.ปากคลองรังสิต นักสังคมชำนาญการ สำนักงานพัฒนาสังคมจังหวัดปทุมธานี และเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดปทุมธานี ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบทันที โดยมีพลเมืองดี ผู้นำชุมชน และกำนัน มารอรับ และพาไปยังห้องที่เด็กหญิงแดงพักอาศัยอยู่
จากการตรวจสอบทราบว่า พ่อแม่ของเด็กหญิงแดงแยกทางกันตั้งแต่ยังเล็ก ซึ่งเด็กหญิงแดงได้อาศัยอยู่กับปู่มาโดยตลอดแต่เมื่อไม่นานมานี้ปู่ที่มีอาชีพเก็บของเก่าและอายุมากแล้ว ได้นำเด็กหญิงแดงมาส่งไว้ให้อยู่กับนางสาวนก (นามสมมติ) ผู้เป็นแม่ ที่มีอาชีพเป็นพนักงานเสิร์ฟร้านอาหารแห่งหนึ่ง อาศัยอยู่กับสาวทอมในลักษณะสามีภรรยา และมีลูกเล็กอีก 1 คน ซึ่งเกิดจากสามีใหม่ที่เพิ่งเลิกราได้ไม่นาน อายุ 8 เดือน
อย่างไรก็ดี ขณะที่นางปวีณาและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว และนักสังคมสงเคราะห์เดินทางไปถึงห้องนางสาวนกนั้น เมื่อเด็กหญิงแดงเห็นเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กถึงกับวิ่งโผเข้ากอด เนื่องจากจำได้ว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเคยเข้าช่วยเหลือมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ หลังพลเมืองดีร้องเรียนเรื่องเด็กถูกแม่ทุบตีอย่างหนัก แต่เจ้าหน้าที่ก็ทำได้เพียงตักเตือนนางสาวนกในเรื่องการดูแลลูกให้เหมาะสม เพราะครั้งนั้นยังไม่รุนแรงกับเด็กขนาดนี้
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนางสาวนก และสาวทอมเดินทางไปสอบปากคำที่ สภ.ปากคลองรังสิต เบื้องต้นนางสาวนกยังโต้เถียงว่าที่ทำไปเพราะเป็นการสั่งสอนลูก และไม่คิดว่าเป็นการรุนแรงแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้อบรม ตักเตือน ให้ทราบถึงการเลี้ยงดูลูกหรือบุตรหลานให้เป็นไปตามครรลองโดยไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งนางสาวนกก็รู้สึกผิดและยอมรับว่าคงไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กหญิงแดงได้ จึงขอมอบเด็กหญิงแดงให้อยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดปทุมธานีต่อไป
ทั้งนี้ นางปวีณา หงสกุล กล่าวว่า ขอขอบคุณพลเมืองดีและชาวชุมชนที่ร่วมด้วยช่วยกันสอดส่องดูแลสังคม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดปทุมธานี กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ร่วมบูรณาการช่วยเหลือสังคม และหากท่านใดพบเห็นการกระทำรุนแรงต่อเด็กและสตรี สามารถร้องเรียนมายังมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้ที่สายด่วน 1134, มือถือ 081-8140244, 062-560-1636, 098-478-8991 หรือ ศูนย์ช่วยเหลือสังคม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หมายเลข 1300 หรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 เป็นต้น
ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี






