ศาลแพ่งสั่งยึดทรัพย์ เงินฝาก-ทรัพย์สิน กว่า 200 ล้าน ผู้มีเอี่ยวคดี เกริกเกียรติ อดีต กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ จำกัด มหาชน หรือ บีบีซี ก่อเหตุฉ้อโกง
วันที่ 16 มีนาคม 2560 ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ได้อ่านคำสั่งในคดีที่พนักงานอัยการ ยื่นคำร้องขอให้ริบทรัพย์ นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ จำกัด มหาชน หรือ บีบีซี ซึ่งระบุว่า ได้มาจากการยักยอกทรัพย์ของ บีบีซี มูลค่ารวม 207,405,496 บาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน
วันที่ 16 มีนาคม 2560 ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ได้อ่านคำสั่งในคดีที่พนักงานอัยการ ยื่นคำร้องขอให้ริบทรัพย์ นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ จำกัด มหาชน หรือ บีบีซี ซึ่งระบุว่า ได้มาจากการยักยอกทรัพย์ของ บีบีซี มูลค่ารวม 207,405,496 บาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน
รายงานข่าวระบุว่า ต่อมา นายวู ได้โอนเงินให้ ภรรยา คือ น.ส.แสงเดือน และน้องชายคือนายพีระเดช นำไปซื้อที่ดิน 22 แปลง และยังมีบัญชีเงินฝากอีก 8 บัญชี กับทรัพย์สินอื่น อีก 54 รายการ ซึ่งพนักงานอัยการได้ยื่นคำร้องว่า ทรัพย์ดังกล่าวได้มาจากเงินที่มีการยักยอกฉ้อโกง ที่เป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 จึงขอให้ศาลยึดทรัพย์ทั้งหมดให้ตกเป็นของแผ่นดิน
อย่างไรก็ดีศาลพิเคราะห์แล้วว่า น.ส.แสงเดือนและน้องชาย ไม่ได้แสดงหลักฐานให้เห็นว่าทรัพย์ทั้งหมดได้มาโดนสุจริต แต่กลับได้ความว่านายวูโอนมาให้ ศาลจึงมีคำสั่งให้ริบทรัพย์สินพร้อมดอกผลให้ตกเป็นของแผ่นดิน ส่วนที่ดินโฉนด 3แปลงที่ นายธงไชยและ น.ส.อรอนงค์ รับจำนองไว้ พนักงานอัยการผู้ร้องไม่สามารถนำสืบได้ว่า ผู้คัดค้านที่ 3-4 รับจำนองโดยไม่สุจริต
ทั้งนี้ศาลมีคำสั่งให้คุ้มครองสิทธิ์ของผู้คัดค้าน โดนให้ปลดจำนองที่ดิน 3 แปลงดังกล่าว และให้ขายทอดตลาด แล้วนำเงินมาชำระให้กับ นายธงไชยและ น.ส.อรอนงค์ จำนวน 34,500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 15 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2557 จนถึงวันที่ออกขายทอดตลาดซึ่งหากมีเงินส่วนที่เหลือก็ให้ทรัพย์นั้นตกเป็นของแผ่นดิน สำหรับนายเกริกเกียรติ จำเลยสำคัญในคดี บีบีซี ได้เสียชีวิตลงตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2555
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก