คปภ. รุกมาตรการเมาแล้วขับ ประกันไม่จ่าย หากแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัม

 เมาแล้วขับ ประกันไม่จ่าย

             คปภ. ปรับมาตรการใหม่ เมาแล้วขับหากเกิดอุบัติเหตุ วัดปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัม ประกันภัยไม่จ่าย เริ่ม 1 มิถุนายน 2560

             วันที่ 21 มีนาคม 2560 นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันอุบัติเหตุบนถนนในประเทศไทย มีสถิติผู้เสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน โดยจากสถิติข้อมูลพบว่าสาเหตุการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่พบอันดับต้น ๆ คือ การเมาแล้วขับ  ซึ่งหลายฝ่ายเห็นตรงกันว่ามาตรการเดิมที่เคยใช้รณรงค์ลดอุบัติเหตุ ในช่วงเทศกาลวันหยุดเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ จึงจำเป็นต้องมีมาตรการใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างจริงจัง และหนึ่งในกลไกสำคัญคือการใช้มาตรการทางด้านประกันภัยอย่างเต็มศักยภาพเพื่อช่วยลดอุบัติเหตุ
             ประกอบกับการศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ทั้งข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย รวมทั้งรับฟังข้อเสนอแนะต่าง ๆ เกี่ยวกับข้อดี ข้อเสีย อย่างรอบคอบแล้ว สำนักงาน คปภ. เห็นว่า การปรับแก้ข้อยกเว้นในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เรื่องลดปริมาณแอลกอฮอล์ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกกำหนดจะเป็นผลดีต่อประชาชนมากกว่า

             โดยจะเป็นมาตรการที่ช่วยส่งเสริมการรณรงค์เมาไม่ขับและช่วยสนับสนุนความปลอดภัยทางถนนตามแผนการปฏิรูประบบความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน อันจะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างเป็นรูปธรรม

             ทั้งนี้ นายสุทธิพล กล่าวว่า ตนในฐานะนายทะเบียนอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 29 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 โดยออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 11/2560 เรื่องให้แก้ไขแบบข้อความกรมธรรม์ประกันภัย และเอกสารแนบท้ายของกรมธรรม์ประกันภัย ทั้งนี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนมาตรการส่งเสริมความปลอดภัยทางถนน และเสริมสร้างวินัยจราจรแก่ประชาชน

             โดยเป็นการปรับแก้ข้อยกเว้นตามคำสั่งนายทะเบียนที่ 22/2551 ลงวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2551 ข้อ 2 และ ข้อ 3 (เดิม) "การขับขี่โดยบุคคลซึ่งในขณะขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดไม่น้อยกว่า 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์" สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์และเอกสารแนบท้ายของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ที่บริษัทได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียน แก้ไขข้อความเป็น "การขับขี่โดยบุคคลซึ่งในขณะขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นไปตามกฎกระทรวงฉบับที่ 16 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 กำหนดให้ถือว่าเมาสุรา"

             อย่างไรก็ดี คำสั่งนี้ให้มีผลใช้บังคับสำหรับการทำสัญญาประกันภัยกับบริษัทประกันภัยตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2560 เป็นต้นไป เพื่อให้สำนักงาน คปภ. และบริษัทประกันภัยได้มีระยะเวลาในการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน และให้บริษัทประกันภัยได้มีเวลาเตรียมความพร้อมในการปรับแก้เอกสารเกี่ยวข้องกับการเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัย ตลอดจนความพร้อมด้านข้อมูลที่จะต้องแจ้งให้ผู้เอาประกันภัยทราบ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนเกี่ยวกับเงื่อนไขที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

             ทั้งนี้กรณีที่ผู้ขับขี่รถเอาประกันภัยภาคสมัครใจ มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ประสบอุบัติเหตุจะไม่ได้รับความคุ้มครองทั้งชีวิตและทรัพย์สินจากกรมธรรม์ แต่ในส่วนของผู้ประสบภัยหรือบุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหายจากรถคันที่เอาประกันภัยดังกล่าวยังคงได้รับความคุ้มครอง

             โดยบริษัทประกันภัยของรถคันที่เอาประกันภัยฝ่ายผิดจะต้องให้ความคุ้มครองชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้ที่ได้รับความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งบริษัทประกันภัยจะไปไล่เบี้ยเรียกคืนค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทจ่ายไปจากผู้ขับขี่ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ต่อไป ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนปริมาณแอลกอฮอล์ดังกล่าว ไม่กระทบต่อความคุ้มครองของการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.)

ภาพจาก ข่าวช่อง 8

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ข่าวช่อง 8, เรื่องเล่าเช้านี้

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
คปภ. รุกมาตรการเมาแล้วขับ ประกันไม่จ่าย หากแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัม อัปเดตล่าสุด 22 มีนาคม 2560 เวลา 13:39:41 7,526 อ่าน
TOP
x close