เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2560 เว็บไซต์เมโทร รายงานเรื่องราวชีวิตของ เดรีน แบล็คเวลล์ เด็กหนุ่มชาวอังกฤษวัย 17 ปี ผู้เคยล้มป่วยเป็นโรคร้ายที่เกือบคร่าชีวิตเขาไปตั้งแต่อายุยังน้อย แต่สามารถรอดชีวิตมาได้หลังจากต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ในโรงพยาบาลมานานถึง 4 ปี
เดรีนพบว่าตัวเองมีอาการของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในปี 2553 ตอนที่เขาอายุเพียงแค่ 10 ขวบเท่านั้น ในปีต่อมาสถานการณ์ทุกอย่างเลวร้ายขึ้น แพทย์วินิจฉัยว่าเขาป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดหายากมาก บนโลกนี้พบแค่เพียง 5 คนเท่านั้น หลังจากนั้นเดรีนก็ไม่ได้ใช้ชีวิตวัยเด็กเหมือนกับเด็กคนอื่นทั่วไป เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อรักษาโรคร้าย ต้องผ่านการทำเคมีบำบัดมานับครั้งไม่ถ้วน
หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลมาเป็นเวลา 4 ปี เดรีนในวัย 14 ปี ยังคงป่วยหนัก ไม่มีทีท่าว่าอาการจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เมื่อแคลลี แม่ของเดรีน เห็นว่ารักษาด้วยวิธีไหนก็ไม่หาย ลูกชายก็ใกล้ตายไปทุกวัน เธอจึงตัดสินใจใช้วิธีใหม่ นั่นคือการใช้กัญชามากำจัดความเจ็บปวดของลูก ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้รับอนุญาตในสหราชอาณาจักร
กัญชาที่ว่าเป็นกัญชาสำหรับใช้ในทางการแพทย์ ผลิตโดยบริษัท เบโดรแคน (Bedrocan) ในแคนาดา เป็นกัญชามีคุณภาพผ่านการรับรองโดยกระทรวงสาธารณสุขของประเทศเนเธอร์แลนด์ ส่งออกไปขายหลายประเทศในยุโรป เช่น เยอรมนี อิตาลี ฟินแลนด์ ฯลฯ แต่ไม่ได้รับการอนุญาตให้ใช้ในสหราชอาณาจักร
"ก่อนอื่น สิ่งที่ฉันอยากจะบอกก็คือฉันไม่เคยเห็นดีเห็นงามกับการสูบกัญชา ตอนที่ฉันทำงานอยู่ที่ไนต์คลับ ยาเสพติดทุกชนิดคือศัตรูที่ฉันหนีห่าง" แคลลี เปิดเผย
ไอเดียนี้ค่อนข้างสุ่มเสี่ยง ไซมอน พ่อของเดรีน เป็นผู้ทำหน้าที่จัดการหากัญชาตัวนี้ ต้องนัดพบกับผู้ขายที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ เนื่องจากกัญชาถือว่าเป็นยาเสพติดประเภทคลาสบี ซึ่งผิดกฎหมาย ผู้ซื้อ-ขาย สามารถต้องโทษจำคุกได้ถึง 5 ปี
แพทย์ประจำเดรีนไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เดรีนยังเป็นเด็ก การใช้กัญชาเพื่อการรักษาโรคยังไม่เคยถูกทดลองใช้ในเด็กมาก่อน จึงเกรงว่ามันอาจจะส่งผลกระทบในแง่ร้ายมากกว่าแง่ดี แต่สุดท้ายแพทย์ก็ต้องยอมทำตามความตั้งใจของพ่อแม่ เนื่องจากอาการของเดรีนย่ำแย่ลงไปทุกที ทั้งนี้แพทย์กล่าวย้ำว่าถ้าภายใน 2 สัปดาห์ อาการของเดรีนยังไม่ดีขึ้น เขาจะถูกย้ายไปสถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย
เมื่อได้รับการอนุมัติจากแพทย์ แคลลีก็เริ่มต้นกระบวนการรักษาด้วยกัญชาทันที เธอลงมือสกัดกัญชาเป็นของเหลวใส่ไว้ในบุหรี่ไฟฟ้าให้ลูกชายสูบ หลังจากทดลองไปได้ 10 นาที เดรีนก็บอกแม่ว่าอาการเจ็บปวดหายไปนิดหน่อย และเขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม อาการเจ็บปวดของเดรีนกลับมาอีกครั้ง เขาถูกย้ายออกจากโรงพยาบาลไปยังสถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ความตายคืบคลานเข้ามาใกล้ทุกวัน อยู่มาวันหนึ่งเดรีนตื่นขึ้นมากลางดึก เขาบอกแม่ว่าไม่ต้องการมอร์ฟีนอีกต่อไปแล้ว แต่แคลลีไม่สามารถทนเห็นลูกเจ็บปวดทรมานได้ เธอควักกัญชาขึ้นมาแล้วยัดปากลูกโดยที่ไม่มีใครเห็น และเมื่อเวลาผ่านไปราว 30 นาที อาการของเดรีนก็เปลี่ยนไป เขาไม่ดิ้นทุรนทุรายอีกแล้วและรู้สึกสงบขึ้นมาก
"ทุกคนเตรียมพร้อมเอาเครื่องช่วยชีวิตของเดรีนออกเพื่อปล่อยให้เขาตาย แต่ฉันไม่ ทุกครั้งที่ฉันเห็นลูกเจ็บ ฉันจะเอากัญชายัดใต้ลิ้นให้เขาอม ซึ่งไม่กี่นาทีถัดมา เขาก็อาการดีขึ้น ไม่รู้สึกเจ็บปวดอีก" แคลลี กล่าว
หลังจากพักอยู่ในสถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายอยู่ระยะหนึ่ง เจ้าหน้าที่ก็ลงความเห็นแล้วว่าเดรีนไม่ได้กำลังจะตายเหมือนอย่างที่คิดไว้ตอนแรก อาการเขาดีขึ้นมากจนในที่สุดก็ไม่ต้องอยู่ที่สถานดูแลอีก ปัจจุบันเดรีนกลายเป็นเด็กหนุ่มวัย 17 ปี ที่สามารถไปโรงเรียนได้เหมือนกับคนอื่นทั่วไป เขากลับไปเรียนต่ออีกครั้ง ผลการเรียนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจอย่างมาก เขามีความสนใจด้านการทำอาหาร และทุกวันนี้ก็ทำงานพาร์ทไทม์เป็นผู้ช่วยเชฟ
หลังจากลูกชายรอดพ้นจากช่วงเวลาดังกล่าวมาได้ แคลลีได้เขียนหนังสือชื่อ The Boy in 7 Billion เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของเดรีน โดยจะวางขายในวันที่ 7 เมษายน 2560 และแคลลีก็กล่าวถึงลูกชายของเธอว่า ปาฏิหาริย์มันมีอยู่จริง และเธอรู้สึกถึงมันอยู่ตลอด ทุกครั้งที่เธอมองลูกชายสุดที่รัก "ตอนนี้สิ่งที่ฉันรู้ก็คือ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ต่อให้เกิดเรื่องเลวร้ายแค่ไหน เราก็จะสู้ไปด้วยกัน และแก้ไขมันได้ อย่างที่เราเคยทำมันสำเร็จมาแล้ว"
ข้อมูลจาก independent, bedrocan
