กลายเป็นประเด็นร้อนที่กระตุกต่อมเผือกชาวโซเชียล กับเรื่องราวความขัดแย้งในครอบครัวของไฮโซรายหนึ่งกับอดีตภรรยา ที่ชื่อว่า ปอแก้ว มัลลิกา เรียนรู้ หลังจากที่เพจดังได้มีการลงรูปตำรวจบุกโรงเรียน และมีการระบุว่า ฝ่ายอดีตสามีบุกชิงตัวลูกสาววัย 4 ขวบ และไม่ส่งคืนสู่อ้อมอกแม่ ทำให้เกิดเป็นดราม่าที่ทำให้คนภายนอกมองว่า เป็นการใช้อำนาจและฐานะอันสูงกว่า รังแกแม่เด็กและจนบัดนี้แม่ลูกยังไม่ได้เจอกัน ซึ่งทางคุณปอแก้ว เปิดใจทั้งน้ำตาด้วยความเป็นกังวลว่า อดีตสามีจะพาลูกออกนอกประเทศหรือไม่ และเธอเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ดูรูปลูกจากทางเฟซบุ๊กเท่านั้น [อ่านเพิ่มเติม : สาวถูกไฮโซดังพาตำรวจบุกฉกลูกถึงโรงเรียน ร่ำไห้ บอกเหมือนโดนกระชากหัวใจ]
สำหรับความคืบหน้าเรื่องนี้ ทางรายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่องอมรินทร์ ทีวี (29 มีนาคม 2560) มีรายงานว่า คุณปอแก้วได้เดินทางไปยื่นคำร้องขอคุ้มครองสวัสดิภาพให้กับลูก ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เขตจตุจักร พร้อมกับบอกว่า เธอเชื่อว่าอดีตสามีไม่ทำอะไรลูกหรอก เพราะคนเป็นพ่อยังไงก็รักลูก แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือ ก่อนหน้านี้ถูกอีกฝั่งหนึ่งขอลูกไปเลี้ยงเองและกล่าวหาว่าเธอขายตัว เป็นไซด์ไลน์
คุณปอแก้ว บอกด้วยว่า มุมหนึ่งก็มั่นใจว่าฝ่ายอดีตสามีรักลูก แต่ที่ไม่เอามาคืนเลย เพราะที่บ้านทางฝั่งอดีตสามีเพิ่งมีหลานคนแรก แล้วเป็นเด็กผู้หญิงน่ารัก ก็เลยเอาตัวไปแล้วไม่ส่งคืน
อย่างไรก็ดี ยังมีประเด็นที่โซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์กันเยอะมาก นั่นก็คือ ภาพวันที่ฝั่งอดีตสามีไฮโซนำตำรวจ สน.วังทองหลาง ไปรับตัวลูกที่โรงเรียน ซึ่งทางเพจดังอย่าง แหม่มโพธิ์ดำ ตั้งคำถามว่า ตำรวจทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ ?
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ไปสอบถาม พ.ต.ท. เชน ศรีกรุงไกร รอง ผกก. (ปราบปราม) สน.วังทองหลาง ว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำงานให้กับฝ่ายสามีไฮโซจริงหรือเปล่า ซึ่งทาง พ.ต.ท. เชน ยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้ไปรับงานจากฝ่ายสามีไฮโซมา วันที่เกิดเรื่อง ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้น จึงเดินทางไประงับเหตุ เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุ ก็ไปพบกับ รปภ. และครูใหญ่ บอกว่ามีสามีภรรยาคู่หนึ่งทะเลาะกันอยู่ในโรงเรียน ก็คือ คุณปอแก้ว กับอดีตสามีไฮโซ ประเด็นเรื่องแย่งลูกกัน ตอนนั้นเห็นสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไร ปล่อยให้ทั้งสองฝ่ายไกล่เกลี่ยกันเอง แต่ที่ไปเพราะมีทางโรงเรียนโทร. แจ้งมา ได้แต่แนะนำว่าไปคุยกันข้างนอกดีกว่าไหม แล้วหลังจากนั้นก็จบ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้รับแจ้งอะไรอีกเลย ย้ำว่าไม่ได้เลือกข้างหรือไปช่วยทางฝ่ายสามีไฮโซและไม่มีผู้มีอิทธิพลแน่นอนสำหรับเรื่องนี้ ขอยืนยันว่า ไม่ได้ทำงานรับใช้ไฮโซ แต่ทำงานรับใช้ประชาชน
"ไปอยู่เป็นตัวกลางเฉย ๆ ไม่ได้ใช้ความรุนแรง หรือใช้คำพูดอะไรที่บ่งบอกว่าจะช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะผมมองว่าในเรื่องครอบครัวเขาก็ต้องคุยกันเอง ตำรวจเป็นแค่ตัวกลาง ไม่สามารถไปเข้าข้างใครคนใดคนหนึ่งได้ เพราะผมเชื่อว่าทุกวันนี้ปัญหาที่มันเกิด มันมาจากในครอบครัว คุณต้องคุยกันเอง ต่อมาวันที่ 23 มีนาคม 2560 ที่มีเรื่องอีก ทางโรงเรียนก็โทร. มาหาผมเหมือนกัน บอกว่าจะทำยังไง จะให้ตำรวจเข้าไปอีกดีไหม ผมก็บอกว่าเรื่องนี้จริง ๆ เป็นเรื่องครอบครัว มันไม่ได้ใช้ความรุนแรง และอีกอย่างโรงเรียนเป็นสถานที่ส่วนบุคคล ทางครู อาจารย์ หรือว่าทางผู้ดูแลก็มีอยู่แล้ว ทางพ่อแม่เจอกัน ก็อยากให้เขาคุยกันก่อน ว่าจะเอายังไง ตรงนี้เราไม่สามารถไปละลาบละล้วงได้ว่ามันเกิดเหตุอะไรขึ้น ผมก็บอกว่า ถ้าตกลงกันไม่ได้ หรือมีเหตุรุนแรงขึ้น อยากให้ผมช่วยเหลือ ผมพร้อมที่จะส่งตำรวจเข้าไปดูแลให้ เสร็จแล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไร
เพจแต่ละเพจ แต่ละเฟซ แต่ละเว็บลง ซึ่งเอาเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง ผมขอยืนยันตรงนี้เลยครับ ตำรวจวังทองหลางไม่เคยรู้จักใครมาก่อน แล้วทำตามหน้าที่ ถ้ามีเหตุการณ์เข้าข้างหรืออะไรขึ้นมา ผมขอยืนยันตรงนี้ว่า ผมขอดำเนินคดีถึงที่สุด" พ.ต.ท. เชน กล่าว
ภาพและข้อมูลจาก รายการทุบโต๊ะข่าว, เฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ