
สืบเนื่องจากกรณีที่ MR.ALAN PAUL GRIMES อายุ 32 ปี กระโดดจากชั้น 4 อาคารผู้โดยสาร ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตกลงมาชั้น 1 เจ้าหน้าที่ได้รุดเข้าตรวจสอบพร้อมทีมแพทย์ ทสภ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น ก่อนเร่งนำส่งโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ และผู้โดยสารได้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมาตามที่ได้นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น (อ่านข่าว : ชายต่างชาติกระโดดชั้น 4 สนามบินสุวรรณภูมิ เสียชีวิต CCTV จับภาพได้)
จากเรื่องดังกล่าว วันที่ 31 มีนาคม 2560 น.ส.เจนนิเฟอร์ จู่ลี่ อาร์สตรอง อายุ 32 ชาวไอร์แลนด์ ภรรยาผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาพบ พ.ต.ท. กวีรัตนะ บังคมธรรม รองผกก.สอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ พร้อมเจ้าหน้าที่สถานทูตไอร์แลนด์เพื่อให้สืบสวน และตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เกิดความแน่ชัดว่า นายอลัน กระโดดบันไดเลื่อนจากชั้น 4 ภายในอาคารผู้โดยสารตกลงไปที่ชั้น 1 ด้วยสาเหตุใด
ทั้งนี้ น.ส.เจนนิเฟอร์ เล่าว่า ตนได้อยู่กินเป็นสามีภรรยากับผู้ตายตั้งแต่ปี 2551 เป็นบุคคลสัญชาติไอร์แลนด์ แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน และได้ไปประกอบอาชีพที่ประเทศออสเตรเลีย โดยนายอลัน เป็นพนักงานของรัฐทำหน้าที่ดูแลสวนสาธารณะที่ประเทศออสเตรเลีย ระหว่างอยู่ด้วยกัน ตนและนายอลันไม่มีปัญหาความรุนแรงอะไร นอกจากนี้เคยได้ปรึกษากันว่าอยากท่องเที่ยวไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ก่อนที่จะกลับมาใช้ชีวิตคู่และมีบุตรในอนาคต กระทั่งเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2559 ก็เริ่มเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก และเคยเข้ามาประเทศไทยแล้ว 3 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ตนและสามีได้เดินทางจากประเทศแคนาดามายังประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2560 โดยหลังจากมาถึงยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตนและสามีได้มานั่งสูบบุหรี่กันที่ด้านหน้า สภ.ท่าอากาสยานสุวรรณภูมิ แต่ระหว่างนั้นสามีได้พูดขึ้นว่าต้องการอยู่คนเดียว ตนจึงบอกว่าให้ไปนอนพักที่โรงแรมก่อนดีไหมเนื่องจากเดินทางมาไกล สามีจึงบอกว่าขอเข้าห้องน้ำก่อนและเดินเข้าไปในอาคารผู้โดยสาร

น.ส.เจนนิเฟอร์ บอกต่อว่า เห็นว่าสามีหายไปนานจึงเดินไปตามหาบริเวณประตู 3 แต่ไม่พบ และติดต่อกันไม่ได้ ตนรออยู่นานนับชั่วโมงก็ยังไม่พบสามี จึงขึ้นไปเรียกรถแท็กซี่ไปยังโรงแรมที่ได้จองไว้ล่วงหน้าก่อนเดินทางมา จากนั้นก็นอนหลับไป กระทั่งอีกวันสามีก็ยังไม่กลับมา
จนมาถึงวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา ตนได้พบข้อความของสามีส่งถึงตนผ่านเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ โปเตโต้ ว่ามีสิ่งร้าย ๆ เกิดขึ้นกับสามี ซึ่งตนก็พยายามติดต่อไปยังเฟซบุ๊กดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมาแต่อย่างใด
น.ส.เจนนิเฟอร์ กล่าวต่ออีกว่าบิดาของสามี ได้โทรศัพท์มาหาเมื่อวันที่ 30 มีนาคม บอกว่า นายอลัน พูดจาแปลก ๆ โดยบอกว่าอยากกลับบ้านที่ไอร์แลนด์ และยังบอกด้วยว่าตัวเองถูกแทงที่แขนจนต้องเย็บถึง 36 เข็ม แต่น้ำเสียงดูเหมือนไม่มีอะไร ก่อนทิ้งท้ายว่าไม่ต้องกังวล สบายดี ซ้ำ ๆ หลายรอบ หลังจากนั้นก็วางสายไป ตนจึงโทร. สอบถามไปยังสถานทูตไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย เจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้ตนไปติดต่อที่สถานทูตด้วยตัวเองถึงได้ทราบเหตุการณ์ของสามีว่าเสียชีวิตแล้วที่สุวรรณภูมิ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนสืบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวให้กระจ่างด้วย
อย่างไรก็ดี น.ส.เจนนิเฟอร์ กับเจ้าหน้าที่สถานทูต ได้ขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุแต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ให้ดูแต่อย่างใด
ภาพจาก thaipbs, thaich8
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
