เมื่อพูดถึงเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หลายคนมักคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวและเกินกำลังของตนเอง
หากในความเป็นจริงเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใกล้ตัว ใครก็สามารถทำได้ ยิ่งในปัจจุบันมีหน่วยงานหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเข้ามาส่งเสริมกิจกรรมด้านนี้กันอย่างมากมาย
@ ปรับโครงสร้างราชการ สร้างองค์กรเฉพาะด้านขึ้นมาดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม
ยิ่งหลัง พ.ศ. 2545 ภาครัฐมีการปรับโครงสร้างหน่วยงานราชการครั้งใหญ่ อันนำมาสู่การก่อตั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขึ้นมาเพื่อดูแลเรื่องเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ กิจกรรมด้านนี้จึงเป็นรูปธรรมและมีแบบแผนถูกต้องตามหลักวิชาการมากขึ้น
กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่องค์ความรู้ และรณรงค์ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
อนึ่งกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ก่อตั้งขึ้นในปี 2535 โดยเป็นหน่วยงานที่ปรับมาจากสำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พร้อม ๆ กับกรมควบคุมมลพิษ และสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม



ระยะแรกสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ต่อมาใน 2545 จึงย้ายมาสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
@ ครบรอบ 25 ปี ก้าวไปอย่างยั่งยืน
ถือเป็นโอกาสอันดีที่กระปุกดอทคอมมีโอกาสได้รับเชิญไปร่วมงานครบรอบ 25 ปี 4 เมษายน วันสถาปนากรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 3 - 4 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งงานในปีนี้จัดภายใต้แนวคิดรวมพลังสร้างสิ่งแวดล้อมไทย ก้าวไปอย่างยั่งยืน
มีจังหวะได้พูดคุยถึงที่มาของแนวคิดในการจัดงานกับผู้บริหารกรม ฯ หลายท่าน โดยเฉพาะท่านสากล ฐินะกุล อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ว่าทำไมปีนี้ถึงใช้แนวคิดนี้เป็นแนวคิดหลักในการจัดงาน
คุยกันพักใหญ่ พอจะสรุปได้ว่า เนื่องจากเรื่องของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหากปล่อยให้ภาครัฐเป็นคนดูแลฝ่ายเดียวนั้น ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เนื่องจากมีอุปสรรคหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงบประมาณ เรื่องของกำลังคน เรื่องของจิตสำนึกของประชาชน




การจะทำเรื่องนี้ให้ประสบควาสำเร็จต้องอาศัยพลังจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน NGO และภาคเอกชน จับมือรวมพลังกันจึงจะสามารถทำงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน
ท่านอธิบดีย้ำว่าแนวคิดนี้ไม่ใช่คำโก้ ๆ หล่อ ๆ สำหรับจัดงานเท่านั้น หากแนวคิดนี้จะเป็นยุทธศาสตร์หลักสำหรับการทำงานในปีต่อ ๆ ไปอีกด้วย



ฟังแล้วประชาชนมีความหวังไม่น้อยภายในงานมีกิจกรรมน่าสนใจหลายอย่าง ทั้งทางด้านวิชาการ เช่น การเสวนาเรื่อง วิถีใหม่บนโลกใบเดิม เวทีสภากาแฟ คิดให้เยอะ ทำให้ง่าย เมื่อโจทย์ใหญ่ขึ้น นิทรรศการผลการดำเนินงานและยุทธศาสตร์ในอนาคตและด้านการรณรงค์หาเงินช่วยเหลือองค์กรเครือข่าย อาทิ ตลาดนัดสีเขียว ตลาดนัดมือสอง และกิจกรรม ของรักอยากให้
@ วิถีใหม่บนโลกใบเดิม วิถีของคนในศตวรรษที่ 21
เดินดูบรรยากาศรอบงานได้สักพัก ก้มลงดูที่หมายกำหนดการณ์ โปรแกรมต่อไปน่าสนใจไม่น้อยเสวนา วิถีใหม่บนโลกใบเดิม ฟังชื่อหัวข้อแล้วช่างเย้ายวนเหลือเกินยิ่งวิทยากรผู้ร่วมเวทีแล้วด้วย แต่ละท่านต่างไม่ธรรมดา ไล่มาตั้งแต่ ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คุณอภิชาติ ทองอยู่ เลขาธิการสถาบันวิจัยและปฎิบัติการเพื่อการพัฒนาประเทศ ศ.ดร.สุริชัย หวันแก้ว นักวิจัยและนักวิชาการทางสังคมศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและโลกาภิวัฒน์
และที่จะอดกล่าวถึงไม่ได้ คือ คุณณัฐพัชญ์ วงษ์เหรียญทอง ที่ปรึกษาและบล็อกเกอร์ด้านการตลาดดิจิตัล ผู้เขียนหนังสือ Digital Content เล่มแรกของประเทศไทย โดยมี รศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และเว็บมาสเตอร์เว็บไซด์ ทะเลไทย เป็นผู้ดำเนินการเสวนา
สำหรับข้อเสนอโดยสรุปของวิทยากรแต่ละท่าน ส่วนใหญ่มีข้อเสนอที่ไปในทิศทางเดียวกัน คือ การพัฒนาโลกในศตวรรษใหม่ ควรคำนึงถึงความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนความยั่งยืนของชุมชนมากกว่าที่จะสนใจแต่การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจหรือตัวเลข GDP แต่เพียงอย่างเดียว





ทั้งนี้ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องเปิดพื้นที่ให้แก่ภาคประชาชน โดยเฉพาะประชาชนเจ้าของพื้นที่ได้มีบทบาทและโอกาสเข้ามาทำงานร่วมกับภาครัฐในลักษณะภาคีร่วมกัน ไม่ใช่คอยแต่รับฟังคำสั่งจากเจ้าหน้าที่รัฐแต่เพียงอย่างเดียว
ในช่วงบ่าย มีการเปิดเวทีในรูปแบบ เวทีสภากาแฟ คิดให้เยอะ ทำให้ง่าย เมื่อโจทย์ใหญ่ขึ้น ในเรื่อง อธิปไตยในอาหาร และโลกใหม่ในมือผู้บริโภค และเมืองใหญ่ต้นไม้เขียว : สร้างกระแสรักต้นไม้
เวทีนี้จะเป็นการพูดคุยอย่างเป็นกันเอง แต่เข้มข้นในแนวคิดและองค์ความรู้วิชาการ โดยเฉพาะแนวทางบริหารจัดการด้านอาหารและการอนุรักษ์ต้นไม้ในเมืองใหญ่ฟังไป คิดตามไป หากแนวคิดในเวทีนี้ได้รับการนำไปต่อยอดในเชิงนโยบาย รับรองประเทศไทยไม่มีวันอดอยากอย่างแน่นอน
@ จากผู้ปฏิบัติ สู่ผู้สนับสนุน บทบาทที่เปลี่ยนไป
สำหรับงานในวันที่สอง (4 เม.ย.) วันนี้งานจะเป็นพิธีการทางศาสนาเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีไฮไลท์ตรงที่มีการรับมอบเงินบริจาคเพื่อสมทบทุนให้แก่มูลนิธิเพื่อนช้าง เท่าที่สังเกตพบว่ามีหน่วยงานเอกชนให้ความสนใจและมอบเงินสมทบกันอยู่พบสมควร
หลังจากที่เข้าร่วมงานทางศาสนาเสร็จ นึกขึ้นได้ว่ายังเดินดูนิทรรศการไม่ทั่ว ทั้งยังแทบจะไม่ได้ดูในเชิงรายละเอียด วันนี้จึงจัดเต็มตั้งแต่บูธแรกยังบูธสุดท้าย
ในส่วนบูธนิทรรศการจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกจะเป็นประวัติและผลการทำงานในรอบ 25 ปี ส่วนที่สองจะเป็นยุทธศาสตร์ แนวทางการทำงาน และความคาดหวังในอนาคต




ส่วนของประวัติถือว่าน่าสนใจ เนื่องจากมีเรื่องราวช่วงของการเปลี่ยนผ่านบทบาทหน้าที่ จากเดิมสมัยยังเป็นสำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติที่จะมีการทำงานในเชิงลงพื้นที่ปฏิบัติหน้างานทั่วประเทศด้วยตนเอง
เปลี่ยนมาเป็นองค์สนับสนุนสร้างการมีส่วนร่วมขององค์กรเอกชน ภาคประชาชน และภาคส่วนอื่น ๆ ให้เข้ามามีบทบาทในการดูแลรักษา และส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย เมื่อมีการจัดตั้งเป็นกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ขณะที่บูธเกี่ยวกับผลการดำเนินงาน จะเป็นรายละเอียดของโครงการที่ได้รับรางวัลต่าง ๆ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องของการจัดการขยะซึ่งจะได้รับการผลักดันให้เป็นวาระสำคัญของชาติในปี 2560 นี้
สำหรับประเด็นเรื่องยุทธศาสตร์และแผนดำเนินงานของกรม ฯ จะสอดคล้องไปกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาล และโครงการประชารัฐที่เน้นการทำงานร่วมกันระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน
ทั้งนี้กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมมีความคาดหวังว่าในอนาคตจะต้องรณรงค์ให้สังคมไทยก้าวไปถึงขั้น Green Citizen (พลเมืองสีเขียว หมายถึงพลเมืองที่มีจิตสำนึกใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อม) และ Green City (เมืองสีเขียว) ให้ได้
@ ตลาดนัดมือสอง ตลาดบุญเพื่อสังคม
เดินดูนิทรรศการเสร็จ พลิกดูโบรชัวร์ ยังมีในส่วนของตลาดนัดสีเขียว ตลาดนัดมือสอง ที่ยังไม่ได้ไปเดินดูอีกส่วนหนึ่ง แต่มองซ้ายก็แล้ว มองขวาก็แล้ว ไม่เห็นวี่แววตลาดนัดที่ว่าแม้แต่น้อย
ถามไถ่คนแถวนั้นจึงทราบว่า ตลาดนัดทั้ง 2 จัดอยู่บริเวณชั้น 1 ของอาคารกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ไม่ได้จัดอยู่ที่เดียวกับบริเวณนิทรรศการ
เกือบพลาดไปแล้วเชียวหลังจากที่เราเดินลงไปถึงที่ ชั้น 1 สิ่งแรกที่สะดุดตา คือ มีป้ายประชาสัมพันธ์ขนาดใหญ่ บอกว่าตลาดนี้ปลอดถุงพลาสติกในทุกกรณี ข้างๆ จะเป็นจุดรับบริจากถุงผ้าควบคู่ไปพร้อม ๆ กัน ครบวงจรภายในจุดเดียว
บริเวณตลาดนัดสีเขียวนี้จะจำหน่ายสินค้าจากสถานประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Green Product เช่น เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหาร ผักและผลไม้ปลอดสารพิษ ตลอดจนบริการอื่น ๆ เช่น โปรโมชั่นพิเศษจากโรงแรมที่ได้รับการรับรอง Green Hotel




เดินดูได้สักพัก มีเสียงตะโกนโหวกเหวก ก็สงสัยว่าใครกันมาตะโกนเสียงดังในสถานที่ราชการอย่างนี้
พอเข้าไปดูใกล้ ๆ จึงรู้เป็นกิจกรรม ตลาดนัดมือสอง และของรักอยากให้ ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมวันสถาปนากรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมนี่เอง
โดยกิจกรรมนี้จะนำสิ่งของรับบริจาคจากผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดารา ศิลปิน มาจำหน่ายและประมูลเพื่อนำรายได้จากทั้ง 2 กิจกรรมมามอบให้แก่ มูลนิธิโรงพยาบาลรามาธิบดี
เรียกว่าได้ทั้งของ ได้ทั้งทำบุญไปในครั้งเดียวกัน !






