กรมขนส่งสั่งรถตู้สาธารณะทั่วประเทศ รื้อที่นั่งแถวหลังสุดออก 1 ที่ เปิดเป็นทางออกฉุกเฉินตามมาตรา 44 นำร่องก่อน 15,800 คัน ชี้ให้เหลือที่นั่งไม่เกิน 13 ที่ ภายใน 10 เม.ย. นี้ ฝ่าฝืนเจอปรับไม่เกิน 500 บาท
วันที่ 8 เมษายน 2560 มีรายงานว่า นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ชี้แจงเกี่ยวกับประกาศในราชกิจจานุเษกษาเรื่อง การจัดวางที่นั่งรถตู้โดยสารสาธารณะ 13 ที่นั่ง และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา ว่า เป็นมาตรการเพิ่มความปลอดภัยในรถโดยสารสาธารณะตามคำสั่งมาตรา 44
- เส้นทางหมวด 1 (กรุงเทพฯ-ปริมณฑล) 5,000 กว่าคัน
- เส้นทางหมวด 2 (กรุงเทพฯ-ต่างจังหวัดไม่เกิน 300 กิโลเมตร) ประมาณ 5,000 กว่าคัน
- เส้นทางหมวด 3 (ภูมิภาคระหว่างจังหวัด) 3,000 กว่าคัน
- เส้นทางหมวด 4 (วิ่งภายในจังหวัดและในซอย ไม่ใช่เส้นทางหลัก) กรุงเทพฯ 126 คัน และต่างจังหวัด 1,900 คัน
ทั้งนี้ เพื่อสอดคล้องกับนโยบายกระทรวงคมนาคมที่ต้องการให้ยอดผู้เสียชีวิตจากรถสาธารณะเป็นศูนย์ ซึ่งมีมาตรการเอาผิดกับผู้ฝ่าฝืน 2 ส่วนคือ จับปรับไม่เกิน 5,000 บาท และมาตรการด้านทะเบียน โดยจะผ่อนผันการบังคับใช้ก่อน คือเน้นปรับในอัตราน้อยไม่เกิน 500 บาท เพื่อเตือนผู้ประกอบการและสร้างความเข้าใจ
สำหรับการปรับที่นั่งผู้ประกอบการสามารถทำได้เองด้วยการขันน็อตรื้อเบาะออก หรือไปที่ร้านประดับยนต์หรืออู่ก็ได้ แต่ถ้าเป็นเบาะคู่ต้องถอดออก แล้วนำมาติดตั้งใหม่เป็นที่นั่งเดี่ยว ซึ่งมีค่าใช้จ่ายค่าใส่เบาะใหม่ตามมาด้วย
ส่วนหลักการในการจัดวางที่นั่งผู้โดยสารคือ เน้นที่นั่งแถวสุดท้ายด้านซ้ายมือ ต้องมีที่นั่งเดียวเหมือนแถวอื่น ๆ เนื่องจากปัจจุบันแถวสุดท้ายจะวางที่นั่งเต็มพื้นที่ทำให้ไม่มีทางออกประตูฉุกเฉินหลังรถ ซึ่งแบ่งเป็น 3 หลักการ คือ

2. รถที่จดทะเบียนก่อนวันประกาศนี้มีผลบังคับใช้ ที่มีที่นั่งผู้โดยสารเกิน 13 ที่นั่ง ให้จัดวางที่นั่งผู้โดยสารได้ไม่เกิน 13 ที่นั่ง ตามเงื่อนไข ดังนี้
2.1 กรณีที่นั่งแถวหลังสุดเป็นที่นั่งคู่ ให้ถอดที่นั่งคู่ด้านซ้ายออก โดยนำที่นั่งเดี่ยวมาติดด้านซ้ายสุดอีก 1 ที่นั่ง หรือไม่ก็ได้ แต่ต้องมีช่องทางเดินกว้างไม่น้อยกว่า 20 เซนติเมตร ให้ผู้โดยสารใช้เป็นทางออกฉุกเฉินด้านท้าย และเปิดออกจากตัวรถได้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นหรือเกิดอุบัติเหตุ
2.2 กรณีที่นั่งแถวหลังสุดเป็นที่นั่งไม่เกิน 3 ที่นั่ง หรือที่นั่งเกินกว่า 3 ที่นั่ง ให้ปรับปรุงการจัดวางที่นั่งแถวหลังสุดให้มีช่องทางเดินขนาดความกว้างไม่น้อยกว่า 20 เซนติเมตร ให้ผู้โดยสารใช้เป็นทางออกฉุกเฉินด้านท้ายและเปิดออกจากตัวรถได้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นหรือเกิดอุบัติเหตุ
3. กรณีรถที่มีที่นั่งไม่เกิน 13 ที่อยู่ก่อนแล้วแต่ไม่มีช่องทางเดิน ก็ต้องปรับปรุงจัดวางที่นั่งแถวหลังสุดให้มีช่องทางเดินเช่นกัน

นอกจากนี้ ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งหรือเจ้าของรถ ต้องนำรถเข้ารับการตรวจสภาพและแก้ไขรายการทางทะเบียน ณ สำนักงานขนส่งกรุงเทพฯ พื้นที่สำนักงานขนส่งจังหวัด หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดสาขา ที่รถนั้นอยู่ในความรับผิดชอบภายในกำหนดระยะเวลาดังนี้
- เส้นทางหมวด 2 และ 3 ภายในวันที่ 5 มิถุนายน
- เส้นทางหมวด 1 และ 4 ภายในวันที่ 5 กรกฎาคม
- กรณีรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารประเภทการขนส่งไม่ประจำทาง ภายในวันที่ 5 สิงหาคม
อย่างไรก็ตาม หากไม่ดำเนินการภายในเวลาดังกล่าวจะพิจารณาใช้มาตรการทางทะเบียนเอาผิดต่อไป
ภาพจาก ratchakitcha.soc.go.th
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก






