x close

เล็งใช้วิธีตักเตือน หากพบนั่งแค็บ-ท้ายกระบะ ทั้งนี้ต้องอยู่ในวิสัยที่ปลอดภัย

มาตรการนั่งแค็บ-ท้ายกระบะ
 
            ผู้ช่วย ผบ.ตร. เผย มาตรการนั่งแค็บ-ท้ายกระบะ ใช้วิธีตักเตือนตามความเหมาะสม ยึดใช้ตามกฎหมายจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ไปก่อน เพื่อรอศึกษาและปรับปรุงให้ได้ข้อสรุปในอนาคต ด้านขนส่ง แจ้งรถโดยสารและรถบรรทุกที่จดทะเบียนใหม่ ต้องติดตั้งอุปกรณ์สะท้อนแสง เพื่อลดความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ

            วันที่ 23 เมษายน 2560 พล.ต.ท. วิทยา ประยงค์พันธุ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงมาตรการการบังคับใช้กฎหมายจราจร ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เสนอกรณีห้ามนั่งแค็บและนั่งท้ายกระบะ ไปยังกรมการขนส่งทางบก แต่พบว่ายังมีข้อขัดข้องที่ไม่สามารถแก้ไขกฎหมายตามที่เสนอได้นั้น ว่า ตอนนี้จะยึดการบังคับใช้กฎหมายจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ไปก่อน และเพื่อรอศึกษาและปรับปรุงให้ได้ข้อสรุปในอนาคต

            โดยจากนี้ไป หากพบการนั่งแค็บและนั่งท้ายกระบะ ทางเจ้าหน้าที่จะใช้มาตรการตักเตือนตามความเหมาะสม ซึ่งต้องพิจารณาว่าอยู่ในวิสัยที่ปลอดภัย

มาตรการนั่งแค็บ-ท้ายกระบะ
            ทั้งนี้ในส่วนที่มีการบังคับใช้กฎหมายจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ไปก่อนนั้น ก็เพื่อบังคับใช้เป็นการเฉพาะเรื่องได้ อาทิ การควบคุมความเร็ว ที่รถยนต์ รถบรรทุก ต้องใช้ความเร็วในเขตเทศบาลไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่นอกเขตเทศบาลต้องไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตกรณีมีคนนั่งท้ายรถกระบะ ผู้ขับขี่ต้องรับผิดชอบตามกฎหมายฐานใช้รถผิดประเภท เนื่องจากกฎหมายไม่อนุญาตให้คนนั่งท้ายกระบะอยู่แล้ว

              นอกจากนี้ ทางกรมการขนส่งทางบก ได้กำหนดให้รถโดยสารขนาดใหญ่ และรถบรรทุกที่จดทะเบียนใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป ต้องติดตั้งอุปกรณ์สะท้อนแสงหรือแผ่นสะท้อนแสง ที่มีคุณลักษณะ สี ขนาด และตำแหน่งติดตั้งที่เหมาะสมเพื่อประสิทธิภาพในการมองเห็นโดยเฉพาะในเวลากลางคืน ซึ่งให้บังคับใช้ทันทีกับรถโดยสารขนาดใหญ่และรถบรรทุก ทุกคัน

               สำหรับรถที่จดทะเบียนก่อนวันที่ประกาศมีผลบังคับใช้ ซึ่งยังไม่ติดตั้งแผ่นสะท้อนแสงแต่มีขนาดและตำแหน่งการติดตั้งไม่เป็นไปตามที่กำหนด ต้องแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 มกราคม 2562 ส่วนรถที่ติดตั้งแผ่นสะท้อนแสงแล้ว แต่ใช้วัสดุหรือสีไม่เป็นไปตามกำหนด ต้องแก้ไขให้เรียบร้อย ภายในวันที่ 1 มกราคม 2563

              สำหรับผู้ประกอบการฝ่าฝืนไม่ดำเนินการตามระยะเวลาที่กำหนด มีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท พร้อมดำเนินการตามกฎหมายทันทีกรณีฝ่าฝืน และหากเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุร้ายแรง ผู้ประกอบการต้องมีส่วนรับผิดชอบทุกกรณี

ภาพและข้อมูลจาก thaich8

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เล็งใช้วิธีตักเตือน หากพบนั่งแค็บ-ท้ายกระบะ ทั้งนี้ต้องอยู่ในวิสัยที่ปลอดภัย อัปเดตล่าสุด 23 เมษายน 2560 เวลา 13:21:26 5,796 อ่าน
TOP