"สรุปคดี สองตายาย เก็บเห็ดพื้นที่ป่าสงวน ฎีกาจำคุกคนละ 5 ปี"
เป็นที่กล่าวขวัญกันมาอย่างต่อเนื่องหลายปีจากกรณีที่ นายอุดม ศิริสอน วัย 51 ปี และ นางแดง ศิริสอน วัย 48 ปี ชาวบ้าน ตำบลโนนสะอาด อำเภอห้วยเม็ก จังหวัดกาฬสินธุ์ ถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกและตัดไม้ในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ ขณะที่ทั้งคู่เข้าป่าไปเพื่อเก็บเห็ด ก่อนถูกตัดสินให้จำคุก 15 ปี และมีการต่อสู้ในชั้นศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาตามลำดับนั้น
เริ่มจากการเก็บเห็ด เจ็บด้วยข้อกล่าวหาตัดไม้ทำลายป่า
- ปี 2553 จุดเริ่มต้นของคดีเริ่มจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ท้องที่ และอาสาสมัครนำกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนป่าดงระแนงจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งถูกบุกรุกและถูกแผ้วถาง ระหว่างวันที่ 12-19 กรกฎาคม 2553 ทว่าในการดำเนินการไม่สามารถจับกุมกลุ่มลักลอบตัดไม้ได้แม้แต่คนเดียว
- ระหว่างตรวจสอบพื้นที่ ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 เจ้าหน้าที่ป่าไม้พบรถจักรยานยนต์จอดทิ้งไว้ข้างทางริมป่าสงวน ไม่มีใครแสดงตนเป็นเจ้าของ เจ้าหน้าที่จึงนำส่งตำรวจท้องที่ตรวจสอบ
- ตำรวจตรวจสอบจากทะเบียน และเชิญตัวนายอุดมและนางแดง เจ้าของรถ มาสอบปากคำในฐานะพยาน ทั้งคู่ให้การว่าเข้าไปเก็บเห็ดในป่า ที่จอดจักรยานยนต์ทิ้งไว้เพราะเห็นเจ้าหน้าที่มากันหลายนายจึงตกใจวิ่งหนีไป
- ระหว่างนั้นมีการเรียกสองตายายมาสอบปากคำอีกหลายครั้ง ทั้งคู่ให้การยืนยันโดยตลอดว่าตนเองเข้าไปเก็บเห็ดป่าเพียงเท่านั้น ไม่มีส่วนร่วมในการตัดไม้แต่อย่างใด
- ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาเป็นผู้บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ตัดไม้เสียหายกว่า 72 ไร่ โค่นไม้สัก 700 ต้น
- หลังถูกแจ้งข้อกล่าวหา ตำรวจส่งสำนวนให้อัยการ อัยการสั่งฟ้อง ข้อหาบุกรุกป่าในเขตป่าสงวน เป็นเนื้อที่ 72 ไร่ โค่นต้นไม้ 700 ต้น ของกลางมี ไม้ 700 ตอ ไม้ 1,125 ท่อน มูลค่ากว่าห้าแสนบาท
- ทว่าเจ้าหน้าที่ไม่พบหลักฐานเครื่องมือในการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า เช่น พวกเลื่อยตัดไม้ เลื่อยวงเดือน ของกลางพบเพียงจักรยานยนต์ 1 คันเท่านั้น และไม่มีผู้ต้องหาคนอื่นนอกเหนือไปจากตายายสองคนนี้แต่อย่างใด
- ระหว่างการไต่สวนในชั้นศาล ศาลไต่ถามจำเลยว่าจะแต่งตั้งทนายหรือไม่ นายอุดมและนางแดงแจ้งแก่ผู้พิพากษาว่า ไม่ประสงค์แต่งตั้งทนายความแต่อย่างใด
- ผู้พิพากษาถามต่อไปว่า จะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองพยักหน้ารับ ต่อมาจำเลยอ้างว่าคิดว่าเป็นการให้รับสารภาพคดีหาของป่า
- ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก นายอุดมและนางแดงคนละ 30 ปี รับสารภาพ ลดกึ่งหนึ่ง คงเหลือ จำคุก คนละ15 ปี โดยไม่มีการสืบพยานหรือหลักฐานใด ๆ ในชั้นศาล เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ
ร้องสื่อถามหาความยุติธรรม
- หลังการตัดสินของศาลชั้นต้นญาติรวบรวมทรัพย์มาประกันตัวเพื่อสู้คดีชั้นอุทธรณ์ อย่างไรก็ตามศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
- หลานสาวของตายาย เขียนหนังสือร้องทุกข์และติดต่อไปยังสื่อขอความช่วยเหลือจาก ทนาย สงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์
- ต่อมาจตุรงค์ สุขเอียด นักข่าวจากรายการข่าวสามมิติ เข้าให้การช่วยเหลือสองตายายและนำประเด็นของสองตายายมานำเสนอตามสื่อจนเป็นกระแสสังคม
- ทนายสงกานต์ยื่นฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนใหม่ ศาลปล่อยตัวสองตายายเป็นการชั่วคราวในเวลาต่อมาหลังติดคุก 1 ปี 8 เดือน
สู้ด้วยข้อเท็จจริง พิสูจน์ในชั้นฎีกา
- ช่วงเดือน มีนาคม 2559 ระหว่างรอการตัดสินชั้นศาลฎีกาในวันที่ 2 พฤษภาคม 2560 ทนายสงกานต์แจ้งว่ามีคนอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้มาเจรจาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับสองตายาย
- แต่เมื่อปฏิเสธกลับมาค้นรถโดยไม่มีหมายค้น รวมทั้งเหตุที่เกิดขึ้นมีพยานรู้เห็น ซึ่งเชื่อว่าเป็นการข่มขู่คุกคามจึงเดินทางมาแจ้งความ
- วันที่ 22 มีนาคม 2559 ทนายสงกานต์นำสำนวนคดีมานำเสนอต่อสื่อ มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ ตามปกติการจับกุมผู้ต้องหาในคดีลักลอบตัดไม้จะต้องมีหลักฐานครบทั้งท่อนไม้ของกลางและอุปกรณ์ที่ใช้ตัด แต่กรณีนี้ไม่พบของกลางหลักฐานแต่อย่างใด ทั้งยังมีการแก้ไขพื้นที่บุกรุก จากเดิม 52 ไร่ ก็ถูกแก้เป็น 72 ไร่จึงนับว่ามีพิรุธ และเป็นไปได้ว่าอาจมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบิดเบือนข้อมูลที่แท้จริงในคดีดังกล่าว
- นอกจากนี้ยังมีหลักฐานเป็นเอกสารรับรองจากโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ยืนยันว่า นายอุดม กะโหลกร้าวมีปัญหาเรื่องการได้ยินและขาอ่อนแรงจากการประสบอุบัติเหตุ ไม่ได้เกิดจากการตัดไม้ตามที่ถูกกล่าวหา ดังนั้นจึงเป็นที่น่าสงสัยว่าคดีนี้อาจเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องจะต้องมีการตรวจสอบต่อไป
- วันที่ 26 เมษายน 2560 ทนายสงกานต์พาตายายทั้งสองเข้ากองปราบ แจ้งความ และขอเข้าคุ้มครองพยาน ก่อนศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 20 เมษายน
ศาสฎีกาพิพากแก้คำตัดสิน จำคุกลดเหลือ 5 ปี
- วันที่ 2 พฤษภาคม 2560 ศาลฎีกา ได้พิพากษาแก้ โดยให้จำคุกทั้งคู่ฐานคดีข้อหาร่วมกันบุกรุก แผ้วถาง และตัดไม้ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติคนละ 5 ปี ยันพิจารณาคดีตามพยานหลักฐาน ระบุจำเลยทั้ง 2 สารภาพ ตาม ป.วิอาญา ไม่ต้องสืบพยาน
- ทนายสงกานต์ เตรียมยื่นขอพิจารณาคดีใหม่ พร้อมขอตรวจหลักเกณฑ์ของการยื่นขอพักโทษว่าเข้าเกณฑ์หรือไม่ เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองรับโทษมาแล้ว 1 ใน 3