จากกรณีคดีตายายเก็บเห็ด นายอุดม ศิริสอน อายุ 54 ปี และนางแดง ศิริสอน อายุ 51 ปี สองสามีภรรยา ถูกจับกุมในข้อหาบุกรุกแผ้วถางป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ 72 ไร่ ซึ่งศาลพิพากษาจำคุกคนละ 5 ปีนั้น [อ่านข่าว : คดีตายายเก็บเห็ด ตัดสินแล้ว ศาลฎีกาพิพากษาแก้โทษ เหลือจำคุกคนละ 5 ปี คลิก]
นายณรงค์ กล่าวต่อว่า การขอรื้อคดีใหม่นั้น เป็นหน้าที่ของทนายความ ซึ่งตนทราบว่า ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ จะทำเรื่องขอรื้อคดีใหม่ภายในสัปดาห์หน้า ก่อนหน้านี้ก็ได้ยื่นเรื่องไปยังสำนักงานกองทุนยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้การช่วยเหลือเรื่องเงินค่าประกันตัวคนละ 1 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานกองทุนยุติธรรม ได้อนุมัติและโอนเงินมายังสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์แล้ว เพื่อช่วยเหลือประสานงานในพื้นที่ ซึ่งหากมีการยื่นเรื่องรื้อฟื้นคดีใหม่ และศาลรับรื้อคดีทางสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ ก็พร้อมที่จะทำเรื่องขอประกันตัวทันที
สำหรับกรณีการพักโทษนั้นสองสามีภรรยา ต้องเข้าเรือนจำก่อน และต้องเข้าเกณฑ์เป็นนักโทษชั้นดีเยี่ยม ตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ซึ่งเบื้องต้นก็ต้องเข้าไปในเรือนจำ เป็นนักโทษชั้นกลางก่อน หากมีความประพฤติดีก็จะได้รับการปรับโทษขึ้นเป็นนักโทษชั้นดี ชั้นดีมาก และดีเยี่ยมตามลำดับ ซึ่งนักโทษชั้นดีจะต้องถูกจองจำมาแล้ว 1 ใน 5 ชั้นดีมาก 1 ใน 4 และนักโทษชั้นดีเยี่ยม 1 ใน 3 ซึ่งเท่าที่ทราบทั้งสองคน โดยนายอุดม ติดคุกมาแล้ว 1 ปี 8 เดือน และนางแดง ติดมาแล้ว 1 ปี 9 เดือน จากโทษคำคุก 5 ปี ซึ่งถือว่าติดมาแล้ว 1 ใน 3 ของอัตราโทษ และหากทั้งสองคนเลื่อนระดับขั้นเป็นนักโทษชั้นดีเยี่ยม ก็สามารพักโทษได้เลย
อย่างไรก็ดี ทางเรือนจำ จ.กาฬสินธุ์ ต้องเป็นผู้พิจารณาด้วย โดยทางกรมราชทัณฑ์จะดำเนินการประเมินทุก 6 เดือน อยู่ในช่วงเดือนมิถุนายนและเดือนธันวาคมของทุกปี ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร จึงจะพักการชำระโทษได้
ด้านนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้พูดถึงการขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งก็จะเป็นหนทางได้อีกทางหนึ่ง
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @AkaravutTv9
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก