PATRICK KOVARIK / AFP
เปิดเรื่องราวชีวิตของ บริจิตต์ โทรนเญอซ์ วัย 64 ปี จากชีวิตครู สู่สตรีหมายเลข 1 ภรรยาของ เอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศสคนล่าสุด
จบลงไปแล้วสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ที่ผลสุดท้ายปรากฏว่าชัยชนะก็ตกเป็นของ เอ็มมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) นักการเมืองหนุ่มหัวสมัยใหม่วัย 39 ปี ซึ่งได้รับคะแนนโหวตจากประชาชนอย่างล้นหลาม ขึ้นนั่งแท่นประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่อายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์อย่างเต็มภาคภูมิ และอีกหนึ่งบุคคลที่ถูกทั่วโลกจับจ้องไม่แพ้กันคือ สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของฝรั่งเศส บริจิตต์ โทรนเญอซ์ ภรรยาวัย 64 ปี
Patrick KOVARIK / AFP
THOMAS SAMSON / POOL / AFP
สำหรับประวัติของ บริจิตต์ โทรนเญอซ์ เธอเกิดเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2496 อดีตเป็นคุณครูสอนวิชาภาษาฝรั่งเศสและสอนศิลปะการแสดงประจำโรงเรียนมัธยมในเอเตียง ที่มาครงเคยศึกษาอยู่ ซึ่งขณะนั้นมาครงในวัย 15 ปี ได้ตกหลุมรักคุณครูบริจิตต์ผู้มีอายุแก่กว่าถึง 24 ปี เข้าอย่างจัง และความรักของเขาไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แต่ด้วยอายุที่ห่างกันพ่อและแม่ของเขา พยายามกีดกันไม่ให้ทั้งคู่ได้พบกัน จนกระทั่งมาครงอายุ 17 ปี เขาต้องแยกจากไปเรียนต่อที่ปารีส แต่เขาได้สัญญากับบริจิตต์ ว่าจะกลับมาหา "ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ผมก็จะแต่งงานกับคุณ !"
PATRICK KOVARIK / AFP
หลังจากนั้น บริจิตต์ และมาครงต่างดำเนินชีวิตในรูปแบบของตัวเองไป บริจิตต์ แต่งงานกับสามี และมีลูกด้วยกัน 3 คน ซึ่งปัจจุบันเติบโตมีอาชีพการงานมั่งคงเป็นวิศวกร, แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ และนักกฎหมาย จนกระทั่งในปี 2550 ขณะที่มาครงอายุได้ 29 ปี และบริจิตต์ได้หย่าขาดจากสามี ทั้งสองซึ่งยังปรารถนาที่จะมีรักอยู่ด้วยกัน จึงได้ตัดสินแต่งงานกัน และได้ซื้อบ้านอยู่ทางตอนเหนือของฝรั่งเศสอาศัยอยู่ด้วยกัน
จนกระทั่งเมื่อปี 2557 เมื่อมาครงได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ ชีวิตรักของเขาและภรรยาก็เริ่มมีผู้สนใจมากขึ้น กระทั่งในปี 2558 มาครงได้ควงแขนบริจิตต์ เปิดเผยต่อหน้าสื่อมวลชนครั้งแรก เมื่อตอนโอกาสสำคัญไปร่วมรับประทานอาหารกับกษัตริย์และราชินีแห่งสเปน จากนั้นมาสื่อก็เริ่มให้ความสนใจชีวิตรักของทั้งคู่ เนื่องจากอายุที่แตกต่างกันมาก แต่ทั้งนี้ทั้งคู่ไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องส่วนตัวมากเท่าไหร่ และมักจะหลบไปพักที่บ้านทางตอนเหนือของฝรั่งเศสหากไม่มีงานที่กรุงปารีส
PATRICK KOVARIK / AFP
ERIC FEFERBERG / POOL / AFP
ก่อนหน้าที่ มาครง จะคว้าชัยชนะได้เป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศส เขาเคยกล่าวถ้อยคำปราศรัยที่พูดถึงบริจิตต์ ภรรยาสุดที่รักว่า "ถ้าผมได้รับเลือก ไม่สิ ถ้าเราได้รับเลือก เธอจะอยู่ที่นั่นด้วย ทั้งด้วยหน้าที่ภรรยาและตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลข 1"
ในตอนนี้ บริจิตต์ ไม่ได้ทำงานในอาชีพครูแล้ว แต่หันมาทุ่มเทความสามารถในการทำงานอยู่เคียงข้างเพื่อสนับสนุนสามีให้กลายเป็นประธานาธิบดี เธอยังเป็นที่ปรึกษาที่เขาไว้วางใจ และเธอก็มักจะไล่อ่านและติดตามข่าวคราวเกี่ยวกับสามีผ่านทางสื่อต่าง ๆ อยู่เสมอด้วย ขณะที่สื่อก็ได้ยกย่องเธอในด้านทัศนคติที่ดี
ทั้งนี้หลังจาก มาครง ได้เป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ บริจิตต์ ในฐานะ สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของฝรั่งเศส ได้เผยว่า เธอจะใช้ความรู้ความสามารถทักษะด้านการเป็นผู้นำจากเมื่อครั้งเป็นครูที่รู้จักเด็ก ๆ เป็นอย่างดี ช่วยต่อสู้เพื่อการศึกษาของพวกเขา
ERIC FEFERBERG / AFP
POOL / AFP
ข้อมูลจาก thelocal.fr, telegraph.co.uk