กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที หลังจากที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีเนื้อความตอนหนึ่งที่พูดถึงคำถาม 4 ข้อ ที่อยากถามกับประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองของประเทศไทย จนทำให้นักการเมืองต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ตอบโต้ในเชิงกล่าวหาว่า พล.อ. ประยุทธ์ มีเจตนาสืบทอดอำนาจ โดยการตอกย้ำภาพลักษณ์ที่ติดลบของนักการเมืองในอดีต
โดยคำถามทั้ง 4 ข้อนั้น จุดประสงค์คือ ต้องการให้ประชาชนได้คิดในสิ่งที่ตัวเองถาม จึงถามกลับว่า สิ่งที่พวกเขาพูดทั้งหมดจะเป็นจริงหรือไม่ เช่น ที่บอกว่าหากได้กลับมาเป็นรัฐบาลจะให้มีโครงการรับจำนำข้าวอีก กลับมาแล้วจะทำหลายอย่างที่ประชาชนได้รับผลประโยชน์โดยตรง ตนจึงถามว่า ถ้าปัญหาเหล่านี้กลับมาประชาชนจะทำอย่างไร นักการเมืองจะตอบอย่างไรก็เรื่องของเขา เพราะตนถามประชาชนไม่ได้ถามนักการเมือง ที่เขาถามกลับตนไม่รู้สึก ไม่สนใจ แล้วจะไปสนใจเขาทำไม ถ้านักการเมืองต้องไปถามเขาว่า วันหน้าถ้ากลับมาจะทำอย่างไร ที่ผ่านมาก็โจมตีตนทุกวัน จึงต้องถามกลับแค่นั้นเอง
ตนไม่เคยพูดสักคำว่าจะไม่เลือกตั้ง แล้วนักการเมืองตีความอย่างนั้นทำไม หลายคนที่ออกมาพูดสร้างความเสียหาย วันหน้าถ้าเกิดปัญหาขึ้นอีกจะเรียกใคร ประยุทธ์ไม่อยู่แล้วจะเรียกใคร รัฐประหารไม่มีใครอยากทำอยู่แล้ว ถ้าพวกคุณไม่สร้างความเสียหายไว้
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้ (30 พฤษภาคม 2560) ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค นักแต่งเพลงชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าวผ่าน เฟซบุ๊กส่วนตัว Nitipong Honark โดยข้อความทั้งหมด มีดังนี้
"จู่ ๆ ท่านเสนาบดีประยุทธ์ ก็มีคำถามกลับมาถึงประชาชน เป็นคำถามที่สร้างความตะลึงตึงตึงเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้บรรดาผู้คนในประเทศที่มีหลายประเภท มีตั้งแต่เสือสิงห์กระทิงแรด ผู้ใหญ่ผู้น้อย ทั้งบัณฑิตทั้งพาล ได้พูด ได้เสนอความคิดได้ไม่มีขอบเขต เป็นคำถามปลายเปิด เปิดการ์ดด้วย ชนิดที่ว่า ใครชกหน้าแกก็ได้ ไม่มีความผิด
ถ้าเป็นพวกบ้าอำนาจ...ลุงจ๋า อย่าได้ถามอะไรแบบนี้
นี่เป็นคำถามเปิดการ์ด...ให้คนชก ผิดวิสัยผู้มีอำนาจ
พวกหมาป่า ไฮยีน่า เขารู้หมด ว่าลุงแข็งนอกอ่อนใน
เป็นสิงโตแท้ ๆ ปล่อยให้หมาป่ามาเคาะหัวสิงโตเล่นได้...
คำถามสี่คำนี้ เป็นคำถามจากคนที่เปิดใจ เกือบถอดใจละนะ...
จากคนที่จำเป็นต้องมารวบอำนาจ...ต้องมาทำท่าขึงขัง
อยากปัดกวาดหลายอย่างแต่มันก็หนักหนาจนแทบจะหมดแรง...
มีแต่ใจ...ที่จะทำให้มันเข้าท่า แต่ว่าหันไปทางไหน...ก็เหนื่อย
มีดอกไม้และก้อนหิน...
ดอกไม้สักพันดอก กลิ่นหอมดีอยู่...ชื่นใจ
แต่โดนก้อนหินสักก้อนจากที่ไหนก็ไม่รู้....มันหัวแตกนะ
คิดดู แม่ประไพ...
ยังไม่นับว่า พรรคพวกรอบข้าง...ก็มีทั้งดีมากดีน้อยและดีแตก..
ซึ่งมีทุกกลุ่มชนในโลกนี้...
ทหาร นักการเมือง เอกชน พ่อค้า ฯลฯ วุ้ย มันมีที่ลูกพี่ก็เวียนหัวลูกน้องอยู่ในทุกกลุ่ม...หรือลูกน้องก็เวียนหัวลูกพี่ก็มี..
เอ้า มาดูคำถามสิ...สี่ข้อน่ะ เห็นได้เลยว่า เป็นคำถามจริงใจ ไร้ฟอร์มผสมถอนหายใจถามด้วย...ว่า มึงจะให้กูทำไง...
...ถามทำไมจ๊ะเนี่ย...ถามว่า หวยงวดหน้าคุณคิดว่าคุณจะถูกหวยไหม ยังตอบง่ายกว่า...
...การเลือกตั้ง คือการซื้อหวยระดับชาติ สำหรับฉัน...
...อเมริกัน ซื้อหวยกันทั้งชาติ เลขที่ออก...โดนัลด์ ทรัมป์...
...ประเทศที่โคตรบอกว่าตัวเองเป็นมหาประชาธิปไตย ตอนนี้ชนชั้นกลางกำลังอยากหาวิธีกำจัดที่สุด...
...ทรัมป์ อาจจะเป็นประธานาธิบดีที่บอกว่าฉันมาจากการเลือกตั้งนะ...ที่ถูกอิมพีชเมนต์ให้ออกจากตำแหน่งเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกันก็ได้...แม่ประไพคอยดู
...อีกอย่างนะ ฉันยังนึกไม่ออกว่า คำว่า ธรรมาภิบาล ซึ่งฟังดูสวยงามนามธรรมยิ่ง มันแปลว่าอะไร..
...ฉันรู้สึกว่า ธรรมาภิบาล เป็นคำดัดจริตยังไงไม่รู้...
2. หากไม่ได้จะทำอย่างไร ?
...นี่เป็นคำถามที่ท้อมาก...และฉันก็ไม่มีคำตอบด้วย เพราะฉันก็มีคำถามเดียวกับลุงตู่เหมือนกัน
3. การเลือกตั้งเป็นส่วนสำคัญของประชาธิปไตย แต่การเลือกตั้งอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงอนาคตของประเทศ เช่น ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปนั้น ถูกต้องหรือไม่ ?
...คำว่าเลือกตั้งนี่ เป็นคำที่มีนัยสำคัญมากเลยนะ พ่อคุณแม่คุณ...เป็นสัญลักษณ์ที่ยังสร้างความแตกต่างในทัศนคติของคนไทยมาก...
เพราะมีส่วนหนึ่งบูชาการเลือกตั้งว่าเป็นเครื่องหมายของประชาธิปไตย...กับอีกส่วนหนึ่งไม่ไว้ใจการเลือกตั้ง เพราะในความเป็นจริงที่ได้พานพบมา พบว่าไม่ได้ช่วยให้ประเทศ สังคม ส่วนตัว ดีขึ้น เพราะเขาไม่ได้สนใจแล้ว ว่าเลือกตั้งมันจะเท่ มันจะสูงส่งยังไง และรำคาญคำว่าประชาธิปไตยผิดรูปสำหรับบ้านเรา เขาแค่ต้องการให้บ้านเมืองไม่วุ่นวาย จะได้ทำมาหากิน ไม่ใช่ให้ไอ้พวกนั้นสร้างปัญหาวุ่นวายอีก....
4. ท่านคิดว่ากลุ่มนักการเมืองที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ควรจะมีโอกาสเข้ามาสู่การเลือกตั้งอีกหรือไม่ หากเข้ามาได้แล้วจะให้ใครแก้ไข และแก้ไขด้วยวิธีอะไร ?
มันยากจริง ๆ ลุง... ไม่เห็นหมาที่ไหนจะทำได้เลยเรื่องการเลือกตั้ง การเข้ามาในสภา การซื้อเสียง การมีอิทธิพล....ฯลฯ และมันก็หาวิธีแก้ไขยากอย่างที่ลุงก็รู้...
ดี้ นิติพงษ์ ยังเผยอีกว่า เชื่ออย่างหนึ่งว่าทหารยุคสมัยนี้ก็ไม่อยากเข้ามาเล่นเกมการเมืองนัก มันใหญ่ไป เหนื่อย เครียด ตอนนี้เรามีรัฐบาลทหาร ที่ตั้งใจ แต่ก็ขี้โมโห เพราะไม่ชอบคนเซ้าซี้ และก็มีคนไทยจำนวนมาก ที่ชอบรัฐบาลทหารในวันนี้ เพราะบ้านเมืองจะได้เงียบสักที ทหารหรือนักการเมืองก็ถนัดกันไปคนละอย่าง ถ้าจะทำงานเพื่อชาติ ถามว่าถ้าจะโกงหรือไม่โกง...ก็มีสิทธิ์โกงได้พอกัน
แต่คนไทยส่วนใหญ่เห็นการทำงานและความเป็นนักเลงสู้ตาย ช่วยเหลือราษฎร จากทหารมากกว่า คงเพราะทหารเป็นสถาบันชัดเจน และมีเครื่องไม้เครื่องมือมากที่จะช่วยเหลือประชาชนโดยไม่ต้องหาเสียงส่วนตัว สถาบันทหารจึงเป็นที่ไว้วางใจ นักการเมืองยังไม่เป็นสถาบันเท่า แล้วก็ยังขัดแย้ง ซึ่งสร้างภาพให้ชาวบ้านเห็นว่า นักการเมืองไม่ค่อยน่าไว้ใจพึ่งพาเท่าทหาร...
ทั้งนี้ ดี้ นิติพงษ์ ได้ทิ้งท้ายว่า พวกฝั่งการเมืองทะเลาะกันมาแทบเป็นแทบตาย...พอถึงวันนี้ก็มาคิดตรงกัน มาต่อสู้กับ คสช. เมื่อไหร่จะหัดเล่นการเมืองแข่งขันกันแบบมีกติกาจริยธรรม รู้แพ้ รู้ชนะ รู้กติกา อย่างบ้านเมืองที่เขาทำกันได้ เมื่อไรที่นักการเมืองสร้างศรัทธาได้มากกว่าทหาร...ทหารก็เข้ากรมกองไป...เท่านั้นแหละ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เฟซบุ๊ก Nitipong Honark
