ย้อนกลับไปเมื่อ 600 กว่าปีที่แล้ว อัศวินคนหนึ่งเกิดโชคร้ายขณะเดินทางผ่านบึงชุ่ม ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยถ่านหินเลน เขาอาจจะเผลอทำดาบหลุดมือหายไป เขาอาจจะพยายามค้นหามันแล้ว แต่ก็หาไม่เจอจนถอดใจและเดินจากไป ดาบเล่มนั้นจมหายไปในบึงและถูกทับถมด้วยโคลนตมและถ่านหินเลนเป็นเวลานานหลายศตวรรษ จนกระทั่งมันถูกพบอีกครั้งด้วยความบังเอิญ
จากบทความของแนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2560 ระบุว่า ขณะที่คนงานก่อสร้างคนหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับการใช้รถแบ็คโฮโกยโคลนเลนขึ้นมาจากบึงในเมืองฮรูเบียชอฟ ทางตอนใต้ของประเทศใต้โปแลนด์ ตรงส่วนที่ตักดินก็เกิดไปสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง วัตถุที่ว่าคือดาบขนาดใหญ่เล่มหนึ่งซึ่งน่าจะมีอายุนับย้อนไปได้ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 13 หรือ 14 ถึงแม้ว่าดาบเล่มนี้จะมีสนิมเขราะไปทั่วทั้งด้าม แต่ก็นับว่าเป็นดาบที่มีสภาพสมบูรณ์อย่างมาก เขาจึงนำมันไปส่งให้เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์สตานิสลาฟ สตาชิกา (Stanislaw Staszica Museum) ทำการตรวจสอบ
ดาบเล่มนี้มีความยาวร่วม 4 ฟุต (ราว 1.2 เมตร) คาดว่าตอนสร้างน่าจะมีน้ำหนักประมาณ 3 ปอนด์ (ราว 1.36 กิโลกรัม) โดย นายบาร์ทโลเมีย บาร์เทคกี้ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์สตานิสลาฟ สตาชิกา กล่าวว่ามันเป็นอาวุธที่ต้องใช้ 2 มือในการจับเท่านั้น และมันเป็นรูปแบบที่สามารถพบได้เฉพาะพื้นที่แถบนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโปแลนด์มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1366 (พ.ศ. 1909) มีปราสาทของเจ้าเมืองตั้งอยู่แถวนี้ ซึ่งเจ้าเมืองย่อมมีการจ้างอัศวินเอาไว้คอยอารักขา และดาบเล่มที่พบนั้นก็น่าจะเป็นสมบัติของอัศวินสักคนหนึ่ง
ในขณะนี้ทีมนักโบราณคดีของพิพิธภัณฑ์ยังไม่พบว่าใครคือเจ้าของดาบเล่มนี้ แต่ก็มีข้อมูลที่น่าจะบ่งบอกได้ เนื่องจากมีเครื่องหมายรูปโล่ปรากฏอยู่บนสันดาบ ซึ่งมันน่าจะเป็นเครื่องหมายของช่างตีเหล็กผู้ตีมันขึ้นมา ส่วนด้ามจับของดาบที่หายไปตามกาลเวลา คาดว่าน่าจะทำมาจากไม้ กระดูก หรืออาจจะเป็นเขาสัตว์
ตอนนี้ดาบได้ถูกส่งไปให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในกรุงวอร์ซอทำการตรวจสอบและบูรณะมันขึ้นมาใหม่ และในเร็ว ๆ นี้ ทีมนักโบราณคดีจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบยังจุดที่ขุดพบดาบเพื่อหาหลักฐานอื่น ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่พบกระดูกที่คาดว่าจะเป็นด้ามดาบ แต่ก็คาดว่าน่าจะพบข้อมูลอย่างอื่นที่น่าจะเป็นประโยชน์ และหวังว่าจะสามารถค้นหาได้ว่าใครคือเจ้าของดาบเล่มนี้
ส่วนดาบอัศวินนั้น เมื่อถูกบูรณะเรียบร้อยแล้ว มันจะถูกส่งกลับไปยังเมืองฮรูเบียชอฟ และคาดว่าจะสามารถนำมาจัดแสดงได้ในเดือนกันยายน 2560
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Muzeum im. ks. Stanisława Staszica w Hrubieszowie
