สัมภาษณ์ "ไคลฟ์ โอเว่น" จาก "Shoot Em Up"




 ทำไมคุณถึงสนใจบทนี้

          ไคลฟ์ : เพราะมันเป็นบทที่ดิบที่สุดและแปลกใหม่ที่สุดเท่าที่ผมเคยอ่าน ความจริงมันก็เป็นหนังแอ๊คชั่นอีกเรื่องหนึ่งของผม แต่เป็นแนวใหม่ เป็นหนังที่ค่อนข้างเฉพาะตัว ที่ผมชอบบทเรื่องนี้อาจเป็นเพราะความฉลาดและอารมณ์ขันของมัน รวมทั้งฉากแอ๊คชั่นด้วย ผมชอบที่ตอนแรกเราคุยกันว่าจะไม่ซีเรียสกับมันเกินเหตุ แต่พอถ่ายจริง ปรากฎว่าเราทุ่มเทกันมาก เหมือนชื่อหนังน่ะ  ยิ่งกันกระจาย แล้วเราก็พอใจกับมัน เราแค่อยากให้ทุกคนนั่งดูและสนุกกับมัน ถ้าใครเป็นห่วงเรื่องความรุนแรง ผมก็จะบอกว่ามันเป็นหนังรุนแรงที่ดีที่สุด รุนแรงแบบบ้าๆ แต่มันก็คือหนัง ไม่เกี่ยวอะไรกับชีวิตจริง เอามันส์เข้าว่า อย่าซีเรียส

คุณแสดงฉากแอ๊คชั่นเองเกือบทั้งหมด ท้าทายแค่ไหน ยังไงบ้าง

          ไคลฟ์ :ผมฝึกหนักมาก ไมเคิล (ผู้กำกับ/เขียนบท) อยากให้ผมรู้สึกว่าเป็นตัวละครจริงๆ คือตัวละครของผมเนี่ย เป็นพวกบู๊ระห่ำและเก่งสุดๆ ทีนี้ไมเคิลเขาไม่อยากให้ฉากแอ๊คชั่นออกมาเจ๋งมาก แต่นักแสดงตัวจริงหลบอยู่ข้างหลัง หรือใช้ตัวแสดงแทนในฉากวิ่งหนีระเบิด ตรงกันข้าม เขาอยากให้ผมอยู่ในฉากนั้นเพื่อที่จะได้รู้สึกว่าเป็นตัวละครตัวนั้น กำลังทำสิ่งนั้นอยู่จริงๆ ผมถึงต้องเข้าฉากเกือบทุกฉากซึ่งคุณจะได้เห็นในหนัง ผมถูกแกว่งไปแกว่งมาบนสลิงประมาณ 10 วัน และแสดงคิวบู๊ทั้งหลายตั้งแต่ต้นจนจบ แน่นอนว่าต้องใช้ร่างกายเยอะมาก

ฉากแอ๊คชั่นฉากไหนที่คุณคิดว่ายากที่สุด เหนื่อยที่สุด

         ไคลฟ์ :ฉากโดดร่มครับ เป็นฉากที่ผมต้องกระโดดลงมาจากเครื่องบิน แล้วดวลปืนกับตัวร้ายกลางอากาศ ฉากนี้ยากและเหนื่อยมาก เพราะผมต้องโหนสลิง ถูกทีมงานดึงขึ้นดึงลงตลอดเวลา ความจริงมันเป็นความท้าทายทางร่างกายนะ ถึงจะเหนื่อยแต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดี

งานนี้กินแครอทไปเยอะไหม แล้วยิงปืนทั้งเรื่องรู้สึกเมื่อยนิ้วบ้างหรือเปล่า

          ไคลฟ์ : ตัวละครของผมเป็นผู้ชายที่มีความสามารถด้านการยิงปืน เพราะฉะนั้นเขาก็เลยชอบกินแครอท เพราะมันดีกับสายตา งานนี้ผมก็เลยกินแครอทเยอะมาก จนบางครั้งต้องแอบขี้โกง ถ้าให้แสดงบท 2 หน้าแล้วมีกลิ่นปากเป็นกลิ่นแครอทแห้งนี่ก็ไม่ไหวนะ ส่วนเรื่องนิ้ว ไม่เมื่อยหรอกครับ ผมใช้ปืนจนชินแล้ว ก็เลยไม่ยากเท่าไหร่

แล้วด้านการแสดงอารมณ์ล่ะ ท้าทายไหมในการรับบทเป็นผู้ชายเถื่อนๆแบบนี้

          ไคลฟ์ : ความจริงก็สบายๆนะครับ เรื่องนี้ไม่ได้ต้องเค้นอารมณ์มาก ที่ท้าทายกว่าคือฉากแอ๊คชั่น เพราะเราใส่กันแบบไม่ยั้ง ยิงกันกระจุย ผมว่าการแสดงฉากแอ๊คชั่นพวกนี้ท้าทายกว่ามากสำหรับเรื่องนี้



คุณมีเกณฑ์การเลือกบทยังไง

         ไคลฟ์ :ผมไม่ชอบบทมิติเดียว อะไรที่ชัดเจนเกินไป หรือบทตัวดีที่ดีไร้ที่ติ ผมชอบอะไรที่มีความขัดแย้งในตัวมากกว่า และสิ่งที่ดึงดูดให้ผมชอบตัวละครนี้ก็คือ เขาเป็นผู้ชายสุดเท่ที่ไม่มีชื่อ แล้วเวลาไม่พอใจอะไรเขาจะแสดงออกทันที ผมชอบแสดงบทแบบนี้

ยากไหมที่ต้องทำงานกับปืนและเด็กทารก

         ไคลฟ์ : ผมต้องฝึกใช้ปืนหลายชนิดมาก นั่นแหละที่ยาก ผมไม่ได้แค่จับปืนขึ้นมายิง แต่ต้องทำความคุ้นเคยกับปืนด้วย และไม่ใช่แค่ปืนแบบเดียว ตัวละครของผมใช้ปืนหลายแบบมาก ส่วนการทำงานกับเด็กก็ดีมากครับ ผมอยากให้เราสามารถเอาเด็กเข้าไปอยู่ในสถานการณ์อันตรายกว่านี้ได้ เพราะเขาคือศูนย์กลางของฉากแอ๊คชั่น และแก่นเรื่องอยู่ที่เด็ก ที่น่าตลกคือคุณไม่มีทางสร้างหนังบ้าๆแบบนี้ได้ ถ้าคุณไม่เชื่อในฉากนั้นๆ ถึงมันจะไร้สาระก็เถอะ เด็กทำให้ผมรู้ว่าหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร เกี่ยวกับการปกป้องเด็กคนนี้ไงล่ะ

ยากไหมที่ต้องกลั้นหัวเราะตอนแสดงฉากเลิฟซีนกับ โมนิก้า เบลลุคชี่

          ไคลฟ์ :จะบอกให้นะ การได้ใกล้ชิดกับโมนิก้าขนาดนั้น ทำให้ผมตื่นเต้นมากเลยล่ะ

แล้วเลิฟซีนเป็นยังไงบ้าง

          ไคลฟ์ : มันถูกออกแบบมาอย่างดี ไมเคิล (ผู้กำกับ/เขียนบท) วาดเป็นแอนิเมชั่นก่อน ผมดูหลายรอบแล้วถามเขาว่า นั่นมันทำได้จริงๆเหรอ ผมจะทำแบบนั้นได้เหรอ แล้วเราทำออกมาได้อย่างที่คุณเห็นนั่นแหละ เป็นฉากที่สนุกที่สุดฉากหนึ่งของเรื่องนี้เลยล่ะ มันเป็นไอเดียที่บ้ามาก

แล้ว พอล จิอาแม็ตติ ล่ะ ร่วมงานกับเขาเป็นยังไงบ้าง

          ไคลฟ์ : เขาเยี่ยมมากครับ ผมดีใจมากตอนที่รู้ว่าเขาตกลงแสดง เพราะผมคิดไม่ออกว่าใครจะรับบทนี้ได้ดีกว่าเขา พอลเป็นคนหนึ่งที่สามารถแสดงบทเถื่อนๆบ้าๆได้ โดยที่ไม่ดูเว่อร์เกินไป เขาเป็นนักแสดงที่ไม่ว่าบทจะตลกแค่ไหน เขาก็มั่นคง พอลเป็นศัตรูที่เหมาะสมกับสมิธ เพราะขณะที่สมิธเป็นคนนิ่ง เย็นชา พูดน้อย เก็บตัว เขาจะตรงข้าม คือใส่อารมณ์ พูดมาก ลุยแหลก

ระหว่างหนังแอ๊คชั่นระห่ำแบบนี้ กับหนังแบบ Closer คุณชอบแบบไหนมากกว่ากัน

          ไคลฟ์ : ตอบยากครับ Closer เป็นหนังที่พิเศษสำหรับผม เพราะผมแสดงละครเวทีต้นฉบับ จึงเหมือนผมมีอดีตกับมัน ผมชอบถ่ายทอดบทพูดพวกนั้น แต่ถ้าสังเกตหนังทั้งหมดที่ผมแสดง คุณจะเห็นว่าผมชอบความหลากหลาย ผมชอบแสดงหนัง แต่ไม่ได้ชอบแนวไหนเป็นพิเศษ การได้แสดงในหนังที่มีบทดีๆ ก็ถือว่าโชคดีแล้ว

โปรเจ็คต์ใหม่ของคุณตอนนี้คือเรื่องอะไร

          ไคลฟ์ : ตอนนี้ผมกำลังเดินหน้าโปรเจ็คต์หนังกับ ทอม  ทึกเวอร์ ผู้กำกับจาก Run Lola Run และ Perfume บทหนังดีมาก เป็นหนังทริลเลอร์ย้อนยุคสมัยปี 70 ครับ

คุณทำอะไรเวลาว่างจากงาน

          ไคลฟ์ : เอาจริงๆนะ ผมชอบอยู่กับลูกๆครับ (ลูกสาววัย 8 และ 10 ขวบ) ผมอยากอยู่กับพวกเขาให้ได้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมคิดถึงพวกเขามากตอนที่ไปถ่ายหนัง เพราะฉะนั้นการได้อยู่กับลูก ใช้เวลากับลูกจึงเป็นอะไรที่มีค่ามาก การทำงานทำให้เวลาของผมหมดไปเยอะ


ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

- Shoot em up ดวลปืนมัน สะใจ!
- ไคล์ฟ โอเว่น ทำ โมนิก้า เบลลุคชี่ กรี๊ดลั่น!


ข้อมูลและภาพประกอบจาก


เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สัมภาษณ์ "ไคลฟ์ โอเว่น" จาก "Shoot Em Up" โพสต์เมื่อ 19 กันยายน 2550 เวลา 00:00:00 2,632 อ่าน
TOP
x close