เปิดตัว TAXI OK พร้อมชูฟังก์ชั่นปุ่มฉุกเฉิน กดทันทีเมื่อเกิดเหตุร้าย การทำงานแบบ Real time มีสัญญาณแจ้งเหตุที่ตัวรถให้คนภายนอกเห็นทันที พร้อมออกวิ่งปลายเดือน พ.ย. นี้ ชี้หากแท็กซี่ไม่ปรับตัว ต่อไปจะไม่ OK
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2560 มีรายงานว่า เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วสำหรับโครงการ Taxi OK เพื่อยกระดับการให้บริการรถแท็กซี่สู่มาตรฐานที่เหนือกว่าเดิม ซึ่งจะเริ่มปฏิบัติจริงในปลายเดือนพฤศจิกายน 2560 นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกยังได้มีการควบคุมติดตามรถแท็กซี่แบบกินรวบ ด้วยเทคโนโลยีที่ทางคณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. ร่วมกับ คณะโลจิสติกส์ ม.บูรพา สร้างชุดอุปกรณ์ควบคุม ติดตามแท็กซี่ขึ้นมา ประกอบด้วยชุดอุปกรณ์ ดังนี้
- GPS Tracking
- CCTV แบบ Snap Shot
- จอ Digital
- App : DLT Taxi Ok
- Emergency Push Button
โดยอุปกรณ์ Emergency Push Button นี้ จะเอาไว้กดเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินหรือเหตุร้าย ทั้งกับฝั่งผู้โดยสารที่ถูกแท็กซี่ทำร้าย และฝั่งแท็กซี่ที่ถูกผู้โดยสารทำร้าย มีการทำงานแบบ Real time เมื่อกดปุ่มก็จะส่งสัญญาณไปที่กรมการขนส่งทางบก และส่งต่อไปที่เครือข่ายแท็กซี่นั้น ๆ เพื่อจัดการขั้นต่อไป ไม่เพียงเท่านี้ยังมีสัญญาณที่จะปรากฏขึ้นที่ตัวรถ เพื่อให้ผู้ร่วมทางบนท้องถนนเห็น ถือเป็นการใช้พลังมวลชนช่วยกันสอดส่อง ก่อนเจ้าหน้าที่เข้าชาร์จ
สำหรับรถที่เข้าโครงการ Taxi OK ที่มีการติดตั้งอุปกรณ์แล้ว จะได้รับการรับรองโดยกรมการขนส่งทางบก เป็นสติ๊กเกอร์แปะข้างตัวรถ ให้ผู้ใช้บริการมั่นใจในการเรียกใช้และวางใจมากขึ้น ซึ่งโครงการนี้ผู้โดยสารได้รับประโยชน์โดยตรง แต่รถแท็กซี่ที่เข้าร่วมโครงการจะต้องติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ ในราคาประมาณ 10,000 บาทต่อชุด
โดยนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวถึงแรงจูงใจที่จะทำให้รถแท็กซี่เข้าร่วมโครงการนี้ว่า
1. ด้วยระบบแอปพลิเคชัน จะช่วยให้ลดเวลาวิ่งรถเปล่า ลดต้นทุนค่าแก๊ส ค่าน้ำมัน ในขณะที่รายได้เท่าเดิมหรืออาจจะเพิ่มขึ้น
2. เพิ่มความน่าเชื่อถือไว้วางใจให้กับผู้โดยสาร ที่จะเลือกใช้บริการแท็กซี่ที่ได้รับการรับรอง ได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น
3. สำหรับรถเก่าตอนนี้ยังเป็นภาคสมัครใจในการนำรถเข้าติดตั้งอุปกรณ์เพื่อเข้าโครงการ Taxi OK แต่รถที่จดทะเบียนใหม่ ต้องติดตั้งทุกคัน
- ภายในสิ้นปี 2560 จะมีรถหมดอายุ 36,000 คัน คิดเป็น 40% ของแท็กซี่ที่มีในระบบทั้งหมด นั่นคือแท็กซี่ที่มาต่ออายุใหม่ก็จะต้องติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้
- ภายในสิ้นปี 2561 จะมีรถหมดอายุทั้งสิ้น 80% ของรถทั้งหมด เท่ากับว่าประมาณปี 2562 ก็จะมีรถที่ต้องติดตั้งระบบนี้ 100%
4. อุปกรณ์ที่ติดตั้งสามารถถอด เพื่อเปลี่ยนติดตั้งกับรถคันใหม่ได้ โดยไม่ต้องซื้อชุดใหม่ และในอนาคตจะเป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งมาพร้อมในตัวรถ ซึ่งภาระจะไม่ได้ตกอยู่ที่ผู้ขับขี่อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ยังบอกอีกว่า แม้จะมีเสียงบ่นจากฝั่งคนขับแท็กซี่เรื่องอยากติดตั้งแต่ไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม หรืออยากอยู่แบบเดิม ๆ แต่เมื่อมีกฎบังคับและกลไกการแข่งขันมาในรูปแบบนี้ การจะทำมาหากินในธุรกิจนี้ต่อ ทางเดียวคือ ต้องปรับตัว เพราะล่าสุด Line ก็ได้ออกมาเปิดตัว Line Taxi โดยร่วมมือกับสหกรณ์แท็กซี่กรุงเทพ ชูจุดขายลดปัญหาให้ผู้โดยสาร เพิ่มรายได้ให้คนขับ และมีการกำหนดคุณสมบัติของแท็กซี่ดีในการเข้าร่วมโครงการอีกด้วย
