ศาลฎีกา ยืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้องคดีสั่งสลายการชุมนุม นปช. ปี 2553 สุเทพ-อภิสิทธิ์ เหตุไม่อยู่ในอำนาจศาล วันที่ 31 สิงหาคม 2560 ศาลอาญา นัดฟังคำสั่งศาลฎีกาในการวินิจฉัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อายุ 53 ปี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อายุ 67 ปี อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีต ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) กรณีให้เจ้าหน้าที่เข้าขอคืนพื้นที่การชุมนุมบริเวณถนนราชดำเนิน และแยกราชประสงค์ จากกลุ่ม นปช. เมื่อปี 2553 ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น
โดยก่อนหน้านี้ คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากจำเลยทั้งสองกระทำไปในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ได้มีเจตนากระทำการส่วนตัว
ล่าสุด ศาลฎีกา พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องสำนวนคดีที่พนักงานอัยการพิเศษ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เนื่องจากศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีดังกล่าวไม่อยู่ในอำนาจของศาล คดีจึงถึงที่สุด
นายสุเทพ เปิดเผยภายหลังศาลอาญาอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา ว่า การกระทำของตนเห็นชอบด้วยกฎหมาย คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้วินิจฉัยไม่รับคำฟ้องแล้วเช่นกัน และหาก ป.ป.ช. คิดว่าประเด็นนี้จำเป็นที่จะต้องยื่นสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็พร้อมจะสู้คดี ซึ่งตัวเองก็พร้อมที่จะสู้คดีตั้งแต่บวชเป็นพระแล้ว โดยมีการรวบรวมพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริง และข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งได้เขียนเป็นหนังสือออกมา ชื่อหนังสือว่า
"คำให้การพระสุเทพ ปภากโร" ผู้สื่อข่าวถามว่า หากคดีนี้เข้าสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะมีความมั่นใจหรือไม่ หลังจากที่ศาลได้พิพากษายกฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีและจำเลยรวม 4 คน ในคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 2551 นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นคนละกรณีกัน
เนื่องจากในคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ มีการใช้แก๊สน้ำตา แต่ในคดีของตัวเองเป็นเรื่องของการสั่งการตามกฎหมาย ภายใต้ พ.ร.ก. การบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน และการสั่งการของตัวเองในแต่ละขั้นตอนก็มีคณะกรรมการร่วมพิจารณาด้วย นายสุเทพ ยืนยันว่า ได้สั่งไม่ให้มีการใช้แก๊สน้ำตาและปืน เพราะอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตได้ แต่สาเหตุที่ต้องมีการสั่งให้ใช้อาวุธจริง เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ลอบยิง พลเอก ร่มเกล้า ธุวธรรม เสียชีวิต ที่สี่แยกคอกวัว ซึ่งจำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่สามารถใช้อาวุธจริงได้เพื่อยับยั้งฝ่ายที่จ้องจะทำร้ายประเทศชาติและประชาชน ส่วนคดีที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่ม กปปส. มีคดีเกิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งหลังได้รับการปล่อยตัวจากค่ายทหารช่วงที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยึดอำนาจ ได้มอบตัวเพื่อต่อสู้คดีตามที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้องแล้ว ซึ่งนายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. ก็ร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดว่า อัยการสั่งฟ้องได้อย่างไรทั้งที่ไม่มีการสอบสวนเลย ต่อมาอัยการสูงสุด สั่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ทำการสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งคดีในลักษณะนี้จะต้องใช้เวลาหลายปี แต่ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร ทุกอย่างว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม จำเลยทุกคนมีสิทธิ์ที่จะต่อสู้คดีในทุกขั้นตอน
ส่วนแกนนำ กปปส. จำนวนหนึ่งถูกยื่นฟ้องไปแล้ว อยู่ระหว่างการต่อสู้คดีในชั้นศาล ยังสืบพยานโจทก์ไม่ครบ เมื่อถึงขั้นตอนการสืบพยานจำเลย ก็พร้อมที่จะไปเบิกความเป็นพยานจำเลย
ภาพและข้อมูลจาก
สำนักข่าว INN,
แสดงความคิดเห็นเรื่องศาลฎีกา ยกฟ้อง สุเทพ-อภิสิทธิ์ คดีสลายชุมนุม นปช. ปี 53