
วันที่ 6 กันยายน 2560 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ธรรมเนียมพระศพและพระบรมศพที่เข้ามาในประเทศไทย มีคำราชาศัพท์ที่ใช้ คือ พระราชทานเพลิง และถวายพระเพลิง ซึ่งมีความแตกต่างกัน คำว่า ถวายพระเพลิง จะใช้กับพระมหากษัตริย์ พระราชบิดา พระราชมารดา พระอัยกา และพระอัยกะของพระมหากษัตริย์เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นใช้คำว่า พระราชทานเพลิง
ทั้งนี้ สำหรับในงานพระราชพิธีพระบรมศพ ในหลวง รัชกาลที่ 9 จะใช้ราชรถที่เรียกว่า พระมหาพิชัยราชรถ ซึ่งเป็นราชรถที่สำคัญ และจะมีพิธีชักราชรถโดยนายกรัฐมนตรีในอีกไม่กี่วัน โดยพระมหาพิชัยราชรถจะใช้เคลื่อนขบวนพระศพจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทสู่พระเมรุมาศซึ่งอยู่บริเวณท้องสนามหลวง ในอดีตจึงเรียกท้องสนามหลวงว่า ทุ่งพระเมรุ นอกจากพระเมรุมาศแล้ว ยังประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างรอบพระเมรุมาศ ได้แก่ พระที่นั่งทรงธรรม คือ ศาลาที่อยู่หน้าพระเมรุมาศ จะเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และแขกคนสำคัญ ซึ่งพระที่นั่งทรงธรรมในครั้งนี้เป็นพระที่นั่งที่ใหญ่ที่สุด บรรจุคนได้ 2,500 คน ส่วนคนอื่นจะนั่งที่ศาลาล้อมรอบเรียกว่า ศาลาลูกขุน
- วันที่ 25 ตุลาคม 2560 เป็นพระราชพิธีออกพระเมรุมาศ
- วันที่ 26 ตุลาคม 2560 จะมีพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมศพจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ขึ้นสู่ราชรถ ขบวนยาตราถึงสนามหลวง เวียนพระเมรุมาศ 3 รอบ แล้วเชิญพระบรมโกศขึ้นสู่พระเมรุมาศ และเริ่มพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในช่วงเย็น
- วันที่ 27 ตุลาคม 2560 จะเก็บพระบรมอัฐิและจะเชิญพระบรมอัฐิและพระอังคารสู่พระบรมมหาราชวัง
- วันที่ 28 ตุลาคม 2560 จะออกทุกข์ จากนั้นจะอัญเชิญพระอัฐิแยกเป็น 2 ส่วน ประดิษฐานที่วัดประจำรัชกาล 2 แห่ง คือ วัดบวรนิเวศ ราชวรวิหาร และวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
ภาพและข้อมูลจาก







