
กลายเป็นเรื่องราวสะเทือนใจคนรักสัตว์เป็นอย่างยิ่ง กรณีนักศึกษาแพทย์รายหนึ่งวางยาฆ่าสุนัข เพื่อหวังเอาเงินประกันจากบริษัทขนส่งสุนัข จนชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์พร้อมกับขุดคุ้ยประวัติยกใหญ่ ปรากฏว่านักศึกษาแพทย์รายนี้เคยทำลักษณะเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง ทำให้สื่อโซเชียลออกมาเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยตรวจสอบพฤติกรรม ชี้เข้าข่ายฆาตรกรต่อเนื่อง (อ่านข่าว : มหิดล สั่งสอบ นศ.แพทย์ วางยาหมา - โซเชียลชี้เข้าข่ายฆาตรกรต่อเนื่อง)
นายไพโรจน์ เผยว่า ในช่วงระหว่างเดินทางที่จะนำสุนัขไปส่งที่โคราชนั้น สุนัขก็ไม่ได้มีการส่งเสียงร้อง จากนั้นนักศึกษาแพทย์ก็บอกว่าให้แวะปั๊มน้ำมัน เพราะจะป้อนวิตามินกับสุนัข จากนั้นก็หายไปนานกว่า 20 นาที พอถึงโคราชนักศึกษาแพทย์ก็บอกว่า สุนัขตัวเริ่มแข็ง และเสียชีวิตแล้ว และก็บอกว่าให้เอาเงินประกันมาแต่ตนไม่ให้ แต่ภายหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นเขาก็กลับมาบอกตนว่า ไม่เอาเงินประกัน
ขณะที่นายสัตวแพทย์จักรินทร์ เรียงเงิน สัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลสัตว์เซ็นเตอร์เพ็ท จังหวัดนครราชสีมา เล่าว่า ตนเป็นผู้ที่โพสต์เรื่องราวดังกล่าว หลังจากโพสต์ลงไปก็กลายเป็นว่า เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลสัตว์อื่นเหมือนกัน และเป็นบุคคลคนเดียวกันด้วย คือเขานำสุนัขมารักษาที่โรงพยาบาล และพยายามเรียกเงินค่าประกันเดินทางกับคนขับรถรับส่ง จำนวน 50,000 บาท ซึ่งขณะที่ทำการชันสูตรพลิกศพ ตนเห็นยา จึงได้ถ่ายคลิปเก็บไว้เป็นหลักฐาน และพบว่าในกระเพาะสุนัข มียาลดความดันของคน และยาแก้เมารถหลายเม็ด แล้วมีความดันลูกตาต่ำลงแบบผิดปกติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้สุนัขเสียชีวิต และที่บริเวณปากของสุนัขก็มีคราบยาดังกล่าว

ด้าน ร.ต.อ. สัตวแพทย์หญิงอารยา นวลศรี ผู้บริหารโรงพยาบาลสัตว์ สัตวแพทย์ 4 บอกว่า นักศึกษาแพทย์คนดังกล่าวเคยนำสุนัขมาตรวจก่อนที่จะเกิดเรื่อง และพยายามให้ตนรับประกันว่าสุนัขแข็งแรง และสามารถเดินทางไปโคราชได้ แต่ตนก็สงสัยว่าทำไมเจ้าของสุนัขถึงไม่ให้ตรวจเลือด แต่แค่ให้ออกใบรับรองแพทย์ให้ หากถามว่าตนได้ให้ยาสุนัขไปหรือไม่ ตนก็ขอบอกเลยว่าตนไม่ได้ให้ไป แต่ขณะนี้ทางเจ้าของสุนัขจะมีการแจ้งข้อหาตนในฐานให้ยาเกินขนาด พร้อมบอกว่า วงการแพทย์เราปล่อยเด็กคนนี้ไม่ได้ ปล่อยให้เขาไปเป็นหมอรักษาคนไม่ได้ ขนาดหมายังฆ่า
ขณะที่ เกรท เจ้าของฟาร์มสุนัข เปิดเผยว่า สุนัขที่นักศึกษาแพทย์ซื้อไปไม่ใช่ตัวแรก แต่เป็นตัวที่ 2 โดยตัวแรกเขาซื้อไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และก็บอกว่ามีงบอยู่ประมาณ 50,000 บาท และก็อ้างเหตุผลสารพัดขอตัวราคาที่ไม่แพง สุดท้ายขายไปที่ 7,500 บาท แต่นักศึกษาแพทย์กลับโอนเงินมาให้ 40,000 บาท ตนก็ต้องโอนเงินกลับคืนไปให้ 32,500 บาท และทราบมาว่าตัวแรกก็ตายไปแล้ว พอมาตัวที่ 2 ซื้อไปเมื่อวันที่ 4 กันยายน นัดส่งกันที่จตุจักร เขาก็บอกว่ามีปัญหาทางการเงิน จากนั้นก็จ่ายเป็นเงินสดค่าสุนัขในราคา 6,500 บาท
ด้าน เก๋ ชลลดา เมฆราตรี ประธานมูลนิธิเดอะวอยซ์ เสียงจากเรา กล่าวว่า กรณีเช่นนี้ก็เคยเกิดขึ้น แต่บอกได้เลยว่านักศึกษาแพทย์คนนี้ไม่ได้เป็นคนบ้าอย่างแน่นอน เพราะมีการวางแผนมาดีทุกกระบวนการขั้นตอน สามารถเอาผิดกับนักศึกษาแพทย์คนนี้ได้ แล้วหากพิสูจน์แล้วพบว่ายาที่ให้ทานเป็นของมนุษย์ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ทารุณกรรมสัตว์จนถึงความตาย
ส่วนทางด้านนางณัฐนันท์ จีระวิวิธพร เจ้าของบริษัท จันทร์สว่างขนส่ง ซึ่งเป็นบริษัทที่เคยให้บริการขนส่งสัตว์เลี้ยงของนักศึกษาแพทย์รายนี้ เผยว่า ตนเคยได้รับการติดต่อจากนักศึกษาแพทย์ให้ขนส่งสัตว์เลี้ยงจากกรุงเทพฯ ไปยังโรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา ระบุว่าจะนำสุนัขไปฝากเลี้ยงไว้ 2-3 วัน โดยติดต่อเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม และให้ไปรับสุนัข วันที่ 31 กรกฎาคม ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว เมื่อนักศึกษาแพทย์รายนี้ติดต่อเข้ามา ก็ได้มีการสอบถามถึงประกันคุ้มครอง ในกรณีสุนัขเสียชีวิตระหว่างเดินทาง ว่าสามารถทำประกันได้ไหม ต้องมีค่าใช้จ่ายเท่าไร และจะมีการรับผิดชอบอย่างไร

ส่วนตัวรู้สึกแปลกใจ เพราะเขาจะถามแต่เรื่องประกัน จึงตัดสินใจไปส่งด้วยตัวเอง โดยมีเจ้าของสุนัขไปด้วย ตอนที่เจอสุนัขครั้งแรกพบว่ามียาเม็ดสีขาว ๆ ติดอยู่ตรงแผงคอ แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะเขาบอกว่าเป็นวิตามินให้หมา เมื่อเดินทางหมาก็มีอาการอ่อนเพลียตลอด มีอาเจียนบ้าง ซึ่งตนก็มีการป้อนกลูโคสให้เป็นระยะ ๆ เพราะก็เป็นปกติที่ตนเตรียมอาหารเสริมไว้ระหว่างทาง เมื่อถึงที่หมายสุนัขก็ยังมีชีวิต ตนถามกับเจ้าของสุนัขว่า ให้ตรวจดูว่าหมาอาการดีไหม นักศึกษารายนี้ก็ยืนยันว่าปลอดภัย
นางณัฐนันท์ เผยต่อว่า จากนั้นตนก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ ผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง ตนได้รับสายจากนักศึกษาแพทย์ ระบุว่าหมาเสียชีวิต บอกว่าให้ตนรับผิดชอบ ตอนที่ตนไปถึงสุนัขก็เสียชีวิตแล้ว ซึ่งตอนนั้นนักศึกษาก็ยืนยันจะให้ตนรับผิดชอบ แต่ตนบอกว่าตอนที่มาส่งก็ปลอดภัยแล้ว แต่หากเสียชีวิตเพราะตนก็ยินดีจ่าย เพราะมองว่าเงินแค่ 40,000 บาท กับชีวิตหมา มันแลกกันไม่ได้ สักพักนักศึกษารายนี้ก็มุ่งไปที่แพทย์ของคลินิกว่าทำเสียชีวิต จะให้รับผิดชอบ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะพิสูจน์ไม่ได้ว่าหมาเสียชีวิตเพราะอะไร ส่วนตัวตอนรู้ข่าวก็ตกใจและรับไม่ได้
ภาพและข้อมูลจาก







