เจ้าของบ้านยอมรื้อเศียรพระพุทธรูป หลังเอามาแต่งรั้วบ้าน เผยแค่ชื่นชอบพุทธศิลป์ ไม่มีเจตนาดูหมิ่น
จากกรณีที่ชาวต่างชาติมีภรรยาเป็นคนไทย ใช้เศียรพระพุทธรูปแต่งรั้วบ้าน ทำให้ชาวบ้านร้องเรียนเนื่องจากสำหรับชาวพุทธแล้วถือว่าเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความหดหู่ใจ สะเทือนใจเป็นอย่างมาก และไม่เหมาะสม โดยฝ่ายปกครองได้เข้าตรวจสอบและสั่งรื้อภายใน 2 อาทิตย์นั้น (อ่านข่าว : ชาวพุทธหดหู่ ! ฝรั่งใช้เศียรพระแต่งรั้ว-กำแพงบ้าน ด้านฝ่ายปกครองขอรื้อถอน)
ทั้งนี้ยืนยันว่า ไม่มีเจตนาลบหลู่หรือดูหมิ่นศาสนาพุทธ เพราะตนก็นับถือศาสนาพุทธ เคารพศรัทธาในพุทธศาสนา เพียงแต่มองว่าพระพุทธรูปอยู่ที่ไหนก็งดงามควรค่าแก่การเคารพ และไม่รู้ว่าภาคเหนือจะมองว่าเรื่องแบบนี้ไม่เหมาะสม มารู้ก็ตอนที่เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจที่บ้าน ตนและสามีตกใจมาก ทั้งนี้ตนเข้าวัดมาตั้งแต่เด็ก ส่วนสามี แม้จะเป็นชาวต่างชาติ แต่ก็เข้าวัดบ่อย สิ่งที่เกิดขึ้นก็อยากขอโทษทุกคน
นางนวลจันทร์ บอกอีกว่า
อีกสาเหตุหนึ่งที่นำเศียรพระพุทธรูปมาประดับรั้วโดยหันหน้าเศียรพระเข้ามาในตัวบ้าน
ก็เพราะว่าบ้านของตนตั้งอยู่ด้านหลังสุสานประจำหมู่บ้าน
เชื่อว่าเศียรพระที่หันหน้าเข้าตัวบ้านจะช่วยปกปักรักษาคนในบ้านให้ปลอดภัยไร้สิ่งรบกวน
สำหรับเศียรพระที่ซื้อมามีทั้งหมดประมาณ 70 ชิ้น ทาสีและนำขึ้นตกแต่งบนรั้วแล้ว 33 ชิ้น ส่วนที่เหลือรอช่างมาทาสีและตั้งใจนำไปประดับตกแต่งทั่วบริเวณบ้าน แต่เมื่อถูกทักท้วงก็ยินดีร่วมมือ โดยจะนำลงจากรั้วทั้งหมด และจะนำไปตกแต่งภายในบริเวณบ้านที่เป็นพื้นที่ส่วนตัว ส่วนใครที่อยากได้จะขายให้ในราคาต้นทุน
ด้านนายอุบลพันธ์ ขันผนึก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวยังไม่เข้าข่ายการดูหมิ่นหรือย่ำยีพุทธศาสนา แต่เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เมื่อเจ้าของให้ความร่วมมือก็ต้องขอบคุณ แต่หากยังพบว่ามีการกระทำที่ไม่เหมาะสม ก็จะต้องให้ฝ่ายปกครองท้องที่ใช้กฎหมายที่ถืออยู่เข้าดำเนินการ หลังจากนี้ จะประสานงานไปยังวัดทุกแห่ง ให้ช่วยกันสอดส่อง และประชาสัมพันธ์เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก
ภาพและข้อมูลจาก
สำหรับเศียรพระที่ซื้อมามีทั้งหมดประมาณ 70 ชิ้น ทาสีและนำขึ้นตกแต่งบนรั้วแล้ว 33 ชิ้น ส่วนที่เหลือรอช่างมาทาสีและตั้งใจนำไปประดับตกแต่งทั่วบริเวณบ้าน แต่เมื่อถูกทักท้วงก็ยินดีร่วมมือ โดยจะนำลงจากรั้วทั้งหมด และจะนำไปตกแต่งภายในบริเวณบ้านที่เป็นพื้นที่ส่วนตัว ส่วนใครที่อยากได้จะขายให้ในราคาต้นทุน
ด้านนายอุบลพันธ์ ขันผนึก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวยังไม่เข้าข่ายการดูหมิ่นหรือย่ำยีพุทธศาสนา แต่เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เมื่อเจ้าของให้ความร่วมมือก็ต้องขอบคุณ แต่หากยังพบว่ามีการกระทำที่ไม่เหมาะสม ก็จะต้องให้ฝ่ายปกครองท้องที่ใช้กฎหมายที่ถืออยู่เข้าดำเนินการ หลังจากนี้ จะประสานงานไปยังวัดทุกแห่ง ให้ช่วยกันสอดส่อง และประชาสัมพันธ์เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก