แม้ว่าในวันนี้ (15 ตุลาคม 2560) สถานการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพมหานครจะคลี่คลาย และเจ้าหน้าที่ได้มีการระบายน้ำออกหมดแล้ว ทว่า หลายคนก็ยังไม่ลืมเลือนกับวิบากกรรมลุยน้ำออกมาทำงาน โดยเฉพาะคนที่อยู่ในภาคส่วนของการบริการ ที่ต้องทำงาน 365 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยที่กัปตันโสภณ ได้เผยว่า ตนมีไฟล์ทบินตอน 06.10 และต้องไปรอที่สนามบิน 1 ชั่วโมงก่อนถึงเวลาบิน โดยที่ตนออกจากบ้านเมื่อตอนตี 4 ตัดสินใจจะขึ้นทางด่วนโทลเวย์ดินแดง รถวิ่งมาได้ครึ่งชั่วโมงก็ต้องหยุด และในตอนตี 5 รถเจ้าหน้าที่ก็มาบอกว่า ข้างหน้ามีน้ำท่วมหนักมาก รถเล็กผ่านไม่ได้
อย่างไรก็ตาม กัปตันโสภณ ได้โทรศัพท์หา Crew Movement Center เพื่อรายงานสถานการณ์ว่า คงไม่สามารถไปทันตอนไฟล์ท 06.10 แน่นอน ให้หานักบินมาสลับไฟล์ทเลย ซึ่งทาง Crew Movement Center ก็ประสานงาน และบอกว่า ให้ไปบินไฟล์ท 07.30 น. ที่จะบินไปเชียงใหม่แทน
อย่างไรก็ตาม ในเวลาประมาณเกือบ 7 โมงเช้า ก็ปรากฏว่า มีรถบัสของทหารออกมาจากค่าย และตะโกนเรียกหาคนที่จะเดินทางไปดอนเมือง ซึ่งแท็กซี่เอง ก็ส่งภาษาอังกฤษเรียกนักท่องเที่ยวให้ไปขึ้นรถบัสทหาร รวมทั้งยังมีรถโฟร์วีล ที่คอยเรียกหาคนไปสนามบิน เจ้าหน้าที่เองก็อนุโลมให้นั่งกระบะหลังไปก่อนได้ จนผ่านด่านจ่ายเงินไปแล้วจะมีรถมารับอีกทอด
จากนั้นเวลา 07.30 น. แท็กซี่เองก็แสดงถึงน้ำใจ ว่าเขาจะอำนวยความสะดวกให้รถของ กัปตันโสภณไป จนกระทั่งเมื่อขึ้นโทลเวย์แล้ว รถก็โล่งมาก
"สรุปวันนี้ผมถึงสนามบิน เกือบแปดโมง ด้วยเรือ 4 ล้อ เมื่อขึ้นโทลเวย์มาแล้วใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงสนามบิน แต่ก็ไม่ได้ไปบินที่ไหนแล้วครับ ทาง crew movement จัดการสลับไฟล์ทและเรียกนักบินไปบินแทนได้หมดแล้ว
ต้องขอขอบคุณนักบินที่บ้านอยู่ใกล้สนามบินและไปทำการบินแทนผมด้วยครับ
ใจหนึ่งก็รู้สึกแย่ ที่ถนนบ้านเราไม่สามารถระบายน้ำได้เร็วอย่างที่ควรจะเป็น แต่มันก็ทำให้เห็นว่าคนไทยร่วมด้วยช่วยกันและทีสำคัญคือ
ดูกลุ่มแท็กซี่ที่ร่วมชะตากรรมรถดำน้ำหน้าด่านดินแดงเป็นตัวอย่างครับ ผมไม่รู้จักพวกท่าน แต่ก็รู้ว่าท่านมีน้ำใจให้กับเพื่อนร่วมทางและเป็นห่วงเป็นใยผู้โดยสารไม่แพ้กัปตันเครื่องบิน"