จากกรณีช้างป่าตกคลองชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ที่ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ร่วมใจกันช่วยเหลือขึ้นจากน้ำได้สำเร็จ ก่อนเคลื่อนย้ายช้างเพื่อนำไปรักษาต่อที่สถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์ฯ โดยสัตว์แพทย์ได้เผยว่าอาการน่าเป็นห่วง อ่อนเพลียจนยืนไม่ได้ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น (อ่านข่าว : ช้างป่าตกคลองชมพู ถึงสถาบันคชบาลแห่งชาติแล้ว-ยังน่าห่วง อ่อนแรงจนยืนไม่ได้)
ด้าน ผศ. น.สพ. ดร.วีรพงศ์ตั้งจิตเจริญ สัตว์แพทย์จากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงการตรวจอาการของช้างว่าไม่สามารถกระดิกหางได้ ขาหลังก็ไม่สามารถใช้การได้ ส่วนการรับรู้ความรู้สึกก็จะอยู่บริเวณตั้งแต่ส่วนกลางของเอว และเนื่องจากช้างนั้นตัวใหญ่จึงได้ทำการอัลตารซาวด์แทนการเอกซเรย์ โดยพบว่าที่บริเวณไขสันหลัง หรือกระดูกสันหลังอาจจะมีเลือดออก ส่วนแนวทางการรักษาหลังจากนี้จะให้ยาเพื่อลดการอักเสบแทนการผ่าตัด เพราะช้างตัวใหญ่ผ่าตัดไม่ได้อาจจะทำให้ติดเชื้อ อีกทั้งไม่มีอุปกรณ์มาช่วยยึดและดามหลังไม่ให้ช้างเคลื่อนหรือขยับได้ รวมถึงการพยุงอาการโดยการให้สารน้ำและดูแลเรื่องที่นอนเพื่อไม่ให้เกิดการเจ็บปวด
ขณะที่ รศ. น.สพ. ดร.นิกร ทองทิพย์ สัตว์แพทย์จากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยถึงอาการของช้างว่ายังน่าเป็นห่วง เพราะการที่ช้างบาดเจ็บที่ไขสันหลังถือว่ารักษาให้หายได้ยาก อีกทั้งช้างมีน้ำหนักตัวมากถึง 4,000 กิโลกรัม และมีพฤติกรรมที่ไม่เหมือนกับช้างเลี้ยงด้วยเพราะเป็นช้างป่า ระหว่างนี้ก็ยังคงต้องประเมินอาการวันต่อวันในการให้ยารักษา ทั้งนี้อุปสรรคคืออุปกรณ์ในการรักษา เนื่องจากปกติจะไม่มีอุปกรณ์เฉพาะรักษาช้าง แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นจำเป็นต้องมีการดัดแปลงอุปกรณ์เครื่องมือใหม่ทั้งหมด อีกทั้งยังเป็นห่วงหากช้างนอนนาน ๆ ก็จะเป็นแผลกดทับ ซึ่งจะทำให้ติดเชื้อและมีโรคแทรกซ้อนได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จังหวัดลำปาง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก