จากกรณีที่ศาลฎีกายกคำร้องขอรื้อฟื้นคดีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร คดีขับรถชนคนตายเมื่อปี พ.ศ. 2548 กระทั่งปี 2556 ศาลมีคำพิพากษาจำคุก 3 ปี 2 เดือน ก่อนได้รับอภัยโทษออกมาในปี 2558 ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกมาระบุว่า หากพบว่ามีการสร้างเรื่องเกี่ยวกับพยานหลักฐานต่าง ๆ ขึ้นมาจริง ทางตำรวจจะต้องดำเนินคดีกับผู้ที่เคยออกมาเป็นพยานก่อนหน้านี้ รวมถึงตัวของ ครูจอมทรัพย์ เองก็จะมีความผิดด้วยเช่นกัน [อ่านข่าว : จ่อเอาผิด ครูจอมทรัพย์และเพื่อน หากพบใช้หลักฐานเท็จ ศาลระบุทำเป็นขบวนการ]
พ.ต.อ. ดุษฎี กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวเชื่อว่ามีขบวนการสร้างหลักฐานเท็จ รับจ้างติดคุกแทน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดำเนินคดีได้ แต่ในส่วนของนางจอมทรัพย์ที่ให้ปากคำผ่านเครื่องจับเท็จนั้น เครื่องไม่สามารถอ่านแปลผลได้ เนื่องจากครูจอมทรัพย์มีสภาพร่างกายไม่ปกติ คือ บริเวณปลายนิ้วเหงื่อไม่ออก กราฟจึงไม่สามารถประมวลผลได้ กระทรวงยุติธรรมจึงตัดสินใจใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาช่วย
พ.ต.อ. ดุษฎี กล่าวอีกว่า คดีนี้ต้องแยกให้ชัดระหว่างการสร้างหลักฐานเท็จกับการร้องขอความช่วยเหลือผ่านกระทรวงยุติธรรม การสร้างหลักฐานเท็จเกิดจากความไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมไม่สามารถให้ความเป็นธรรมได้ จนทำให้ประชาชนไม่มั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรม นางจอมทรัพย์เองก็บอกว่ารับสภาพ ซึ่งคำว่ายอมรับสภาพเป็นคนละเรื่องกับยอมรับสารภาพ เพราะถึงอย่างไรทุกคนต้องเคารพในคำตัดสินของศาล สำหรับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในคดีของนางจอมทรัพย์ไม่ใช่หลักฐานใหม่ เพราะศาลได้ตัดสินไปแล้ว นอกจากนี้ ยังมีขบวนการสร้างหลักฐานเท็จเพื่อให้มีการรื้อฟื้นคดีอาญาด้วย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าวได้เดินทางไปยัง สภ.เมือง จ.นครพนม เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ โดยกล่าวหาพยานในคดีครูจอมทรัพย์เพิ่มอีก 4 คน คือ 1. นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง 2. นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร สามีครูจอมทรัพย์ 3. นายสับ วาปี 4. นางทัศนีย์ หาญพยัฆย์ โดยให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวในข้อหา "ร่วมกันให้การเท็จ"
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน จะได้ออกหมายเรียกบุคคลดังกล่าวมารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ภาพจาก amarintv
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก