สาวโดนล้วงกระเป๋า ซ้ำยังถูกขโมยบัตรประชาชน สวมสิทธิ์ไปเปิดบัญชี 7 ธนาคาร คาดทำเป็นขบวนการหลอกให้คนโอนเงินเข้ามาหลายแสนบาท เชื่อฝีมือแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เป็นอีกหนึ่งภัยสังคมที่ใกล้ตัว และเป็นอุทาหรณ์ให้กับใครหลาย ๆ คน เมื่อสมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอมรายหนึ่ง ได้ออกมาตั้งกระทู้ "เตือนภัย !! ใครเคยทำบัตรประชาชนหาย ระวังโดนเอาไปสวมสิทธิ์ปลอมแปลงบัญชี" โดยเล่าว่า ตนได้ถูกมิจฉาชีพล้วงกระเป๋าสตางค์ ซึ่งในนั้นมีบัตรประจำตัวประชาชน ต่อมาพบว่าถูกมิจฉาชีพปลอมตัวให้มีลักษณะคล้ายกับตน แล้วไปเปิดบัญชีเงินฝากที่ธนาคารต่าง ๆ 7 ธนาคาร 9 บัญชี แต่ละบัญชีมีการโอนย้ายเงินหลายแสนบาท คาดว่าเป็นบัญชีที่เปิดขึ้นมาเพื่อหลอกให้คนโอนเงินเข้ามา แล้วคนร้ายก็รีบยักยอกเงินออกไป สวมสิทธิ์ใช้ชื่อตน ทำให้ตนตกเป็นแพะรับบาป
ส่วนอีกธนาคารหนึ่งที่จับภาพได้ เป็นผู้หญิงคนละคนกับที่แรก ไว้ผมยาวแสกกลาง คาดหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า ใช้บัตรประชาชนของตนเปิดบัญชี โดยพนักงานจะจำหญิงคนนี้ได้แม่น เพราะเปิดบัญชีแบบพิเศษ ที่ราคาแพงกว่าบัญชีทั่วไป พนักงานเสนอโปรโมชั่น หรือให้สมัครบริการอะไร คนร้ายก็ยินดีสมัครทั้งหมด ผิดวิสัยลูกค้าปกติ จึงเชื่อว่าคนร้ายทำกันเป็นขบวนการอาจจะเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะมีการใช้เบอร์โทร. ปลอม โทร. มาหลอกตน แต่ตนไม่หลงเชื่อ
นอกจากนั้น ทราบว่ามีบางบัญชีที่คนร้ายเปิดถูกนำไปใช้ก่อคดี มีหมายจากตำรวจส่งไปที่ธนาคารเพื่อขออายัดบัญชีไว้แล้วด้วย ซึ่งเรื่องดังกล่าวก็ทำให้ตนเดือดร้อนไปด้วย เพราะมีชื่อเป็นเจ้าของบัญชี ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เปิด และสิ่งที่ยังคาใจก็คือ เหตุใดคนร้ายจึงสามารถนำบัตรประชาชนของตนไปเปิดบัญชีได้อย่างง่ายดาย ด้วยการปลอมตัวง่าย ๆ แค่ตัดผมทรงเดียวกัน หรือคาดหน้ากากอนามัยเท่านั้น ที่สำคัญคือ บัตรประชาชนที่นำไปเปิดบัญชี ตนก็ไปแจ้งหาย แล้วทำบัตรใหม่ทันทีในวันรุ่งขึ้น เหตุใดจึงยังสามารถนำไปทำธุรกรรมได้อีก ทั้งที่ บัตรแบบสมาร์ทการ์ด มีชิปข้อมูล เมื่อเสียบเข้าไปในเครื่องก็จะขึ้นให้เห็นแล้วว่า บัตรใบนี้ถูกยกเลิกไปแล้ว
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ได้สอบถามไปยังพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง เปิดเผยถึงหลักการในการเปิดบัญชีธนาคารว่า ตามปกติแล้วลูกค้าที่เข้ามาเปิดบัญชีจะต้องใช้บัตรประชาชนตัวจริง และมาเปิดด้วยตัวเองเท่านั้น เมื่อพนักงานเสียบบัตรประชาชนเข้าไปในเครื่อง ระบบจะอ่านข้อมูลบนชิป ทั้งรูปถ่าย ชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด ต้องเทียบข้อมูลทุกอย่างให้ตรงกัน หากลูกค้าคาดหน้ากากอนามัยมาก็ต้องขอให้เปิดออก เพื่อตรวจสอบใบหน้าก่อนเสมอ
ขณะที่ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ชี้แจงมายังทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ระบุว่า ข้อมูลที่ถูกบรรจุอยู่ในชิปบนบัตร จะเป็นข้อมูลทั่วไปตามหน้าบัตร ของเจ้าของบัตรใบนั้น ๆ มีไว้เพื่อป้องกันการทำบัตรประชาชนปลอม แต่ข้อมูลว่าบัตรใบนั้น ๆ เป็นบัตรที่ยังสามารถใช้งานได้ หรือว่าถูกยกเลิกไปแล้ว ต้องเช็กมาที่ฐานข้อมูลส่วนกลางของกรมการปกครอง
ซึ่งฐานข้อมูลนี้กรมการปกครองได้ทำ MOU ร่วมกับธนาคารต่าง ๆ ทุกเจ้า ให้สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลได้ทุกธนาคาร ขึ้นอยู่กับว่าธนาคารแต่ละสาขา จะตั้งค่าโปรแกรมให้เชื่อมต่อกับระบบฐานข้อมูลไว้หรือไม่ แต่จากข้อมูลของกรมการปกครองพบว่า ธนาคารทุกเจ้า ทุกสาขาในประเทศไทย มีการเช็กข้อมูลบัตรประชาชนมาที่ฐานข้อมูลกลาง วันละประมาณ 5-6 พันครั้งเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก
ภาพและข้อมูลจาก
- คุณ ดวงตา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
- เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร