x close

เปิดภาพเทียบ สหรัฐฯ-ออสเตรเลีย ความต่างในวันที่หนาวสุดขั้วและร้อนสุดขีด

สภาพอากาศ

          ชวนมาดู 8 ภาพ ความแตกต่างของ สหรัฐอเมริกาที่หนาวสุดขั้วและออสเตรเลียที่ร้อนสุดขีด ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่สภาพอากาศสวนทางกันแบบสุด ๆ

          ตั้งแต่ช่วงปี 2560 เป็นต้นมา สหรัฐอเมริกาประสบกับภัยพิบัติหลายอย่าง ซึ่งแต่ละอย่างล้วนรุนแรงและสร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก ทั้งพายุเฮอริเคน น้ำท่วม และไฟป่า ล่าสุด ชาวอเมริกันต้องเดือดร้อนกับพายุบอมบ์ไซโคลน ที่หอบเอาความเย็นยะเยือกมาปกคลุมเกือบทั่วประเทศ หลาย ๆ รัฐต้องรับมือกับสภาพอากาศที่หนาวจนเยือกแข็ง บางจุดหนาวกว่าขั้วโลกเหนือ โดยในพื้นที่เมืองเมาท์วอชิงตัน ในรัฐนิวแฮมเชียร์ มีอุณหภูมิต่ำมากที่ -37 องศาเซลเซียส และที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ ลมหนาวที่กำลังแรงกว่า 90 ไมล์ต่อชั่วโมง ได้พัดความเย็นยะเยือกมาแบบทวีคูณ ถึงแม้ว่าอุณหภูมิจริง ๆ ที่สามารถวัดได้คือ -37 องศาเซลเซียส แต่ความรู้สึกจริง ๆ นั้น หนาวเหน็บถึง -69 องศาเซลเซียส !
          อย่างไรก็ตาม ในขณะที่สหรัฐอเมริกาต้องพบเจอกับความหนาวสุดหฤโหดนั้น ที่ออสเตรเลียกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง โดยรัฐบาลได้ประกาศเตือนประชาชนให้ระวังและหลีกเลี่ยงการออกไปนอกบ้าน เนื่องจากคลื่นความร้อนสูงที่ปกคลุมไปทั่วประเทศ ส่งผลให้มีสภาพอากาศร้อนจัด อุณหภูมิสูงที่สุดในรอบเกือบ 80 ปี โดยที่เมืองซิดนีย์นั้น เรียกได้ว่าแทบจะลุกเป็นไฟ อุณหภูมิที่ย่านเพนริตช์ สูงถึง 47.3 องศาเซลเซียส !

          ด้วยความแตกต่างอย่างสุดขั้วนี้ ทำให้การใช้ชีวิตของผู้คนใน 2 ประเทศ แตกต่างกันอย่างมาก ชาวอเมริกันก็ต้องปรับตัวสู้ความหนาว ชาวออสเตรเลียก็ต้องท้าแดดท้าความร้อน แล้วที่ว่าสุดขั้วนี้มันแตกต่างกันแค่ไหนล่ะ เรามาชมภาพไปพร้อม ๆ กันเลย

หนาวเยือกแข็งและร้อนจนละลาย

สภาพอากาศ

          แผนที่ภูมิอากาศของทวีปอเมริกาเหนือ เผยให้เห็นว่ากว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ในสหรัฐฯ กลายเป็นสีน้ำเงินจากสภาพอากาศที่หนาวเหน็บจนเยือกแข็ง โดยรัฐทางฝั่งตะวันออก ตั้งแต่แมสซาชูเซตส์ ไล่ลงมาจนถึงเซาท์แคโรไลนา เย็นยะเยือกยิ่งกว่ารัฐอลาสกา

สภาพอากาศ

          ในขณะที่แผนที่ภูมิอากาศสหรัฐฯ เป็นสีน้ำเงินเพราะความหนาว ที่ออสเตรเลียนั้นตรงกันข้าม โดยคลื่นความร้อนสูงปกคลุมไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะบริเวณตอนกลางและทางตะวันตก ซึ่งเป็นสีแดงเข้ม บางจุดอุณหภูมิสูงกว่า 45 องศาเซลเซียส

ในวันที่ทะเลแตกต่าง

สภาพอากาศ
ภาพจาก SAEED KHAN / AFP
 
          หนุ่มนักโต้คลื่น กำลังรอจังหวะคลื่นซัด ท่ามกลางสายลมแสงแดด ที่ชายหาดเฟรชวอเตอร์ เมืองซิดนีย์ ออสเตรเลีย

สภาพอากาศ
​ภาพจาก SCOTT EISEN / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / AFP

          ณ ชายหาดร็อก ฮาเบอร์ บริเวณอ่าวเคป ค็อด เมืองออร์ลีนส์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา การโต้คลื่นที่นี่นั้นลืมไปได้เลย การลงไปเล่นน้ำก็เช่นกัน เพราะทะเลกลายเป็นน้ำแข็ง ขาวโพลนสุดลูกหูลูกตา

ความสนุกในเมืองใหญ่

สภาพอากาศ
ภาพจาก WILLIAM WEST / AFP

          ความร้อนห้ามความสนุกไม่ได้ ร้อน ๆ แบบนี้จะมีที่ไหนดีไปกว่าการไปเที่ยวทะเล ท้าแดดกันให้สุดกันละ

สภาพอากาศ
ภาพจาก AMIR LEVY / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / AFP

          ในขณะที่ผู้คนในออสเตรเลียออกไปเล่นน้ำกันอย่างชุ่มฉ่ำ ผู้ที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์ก สหรัฐฯ ก็พากันออกมาที่สวนสาธารณะเซ็นทรัล ปาร์ก ที่ซึ่งทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็ง บ้างก็เล่นไอซ์สเกต บ้างก็นั่งลากเลื่อน เพราะความหนาวมันห้ามความสนุกไม่ได้

สปิริตของแฟนกีฬา

สภาพอากาศ
​ภาพจาก WILLIAM WEST / AFP

          แฟน ๆ คริกเก็ตต่างออกมาชมการแข่งขันระหว่างทีมชาติอังกฤษและออสเตรเลีย ท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนจัด หลาย ๆ คนถอดเสื้อเพื่อเอามาคลุมหัว ถือโอกาสอาบแดดไปด้วยในตัว ไม่ว่าในสนามจะเหมือนเตาอบแค่ไหน แต่ด้วยใจรักกีฬาแล้วละก็ สู้ตาย !

สภาพอากาศ

          ในขณะที่มิตรสหายชาวออสซี่ถอดเสื้อตากแดดชมคริกเก็ตกันอยู่ทีซิดนีย์นั้น แฟน ๆ อเมริกันฟุตบอลที่สหรัฐฯ ก็สปิริตแรงกล้าไม่แพ้กัน โดยพวกเขามาให้กำลังใจทีมรักถึงขอบสนาม ไม่แคร์แม้หิมะตกหนักจนแทบจะมิดตัว สภาพอากาศจะหนักหนาสาหัสแค่ไหนก็ยังสู้ ต้องยกนิ้วให้พวกเขาจริง ๆ

ภาพจาก Twitter @NASAEarth, @BOM_au, imgur.com

ข้อมูลจาก earthobservatory.nasa.gov, bom.gov.au, imgur.com, independent.co.uk, independent.co.uk

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดภาพเทียบ สหรัฐฯ-ออสเตรเลีย ความต่างในวันที่หนาวสุดขั้วและร้อนสุดขีด อัปเดตล่าสุด 10 มกราคม 2561 เวลา 14:41:02 61,091 อ่าน
TOP