จากข่าวที่นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวก ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จับกุมพร้อมของกลางจำนวนหลายรายการ อาทิ ซากเสือดำที่ถูกชำแหละ อาวุธปืน และเครื่องกระสุน ซึ่งสังคมกำลังวิจารณ์อย่างหนักนั้น
ทั้งนี้ตนเคยเห็นเสือในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ทั้งเสือโคร่งและเสือดำ ไก่ฟ้า และเก้ง อยู่เป็นประจำ และพวกเสือจะไม่ค่อยกลัวคน ตนคิดว่าคนที่ล่าสัตว์ไปได้ก็เป็นเพราะเสือพวกนี้ ไม่ได้หลบคน
ด้าน นางมาลัย ชาวบ้านในพื้นที่อีกราย กล่าวว่า ชาวบ้านเลิกล่าสัตว์ไปนานแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ค่อนข้างเข้มงวด ส่วนตนเคยเห็นเสือซึ่งค่อนข้างมีเยอะ แต่คนในพื้นที่มักจะไม่ล่าสัตว์ใหญ่ เนื่องจากกลัวโดนสัตว์ทำร้าย
ส่วนที่มีข่าวออกมาว่ากลุ่มของนายเปรมชัย หลงป่านั้น ตนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเส้นทางที่นายเปรมชัยไป จะมีเจ้าหน้าที่อยู่ประจำตามจุดต่าง ๆ ค่อนข้างเยอะ ส่วนที่มีชาวบ้านพูดกันว่า เจ้าหน้าที่ไปจับกุมกลุ่มคนเหล่านี้ได้ เป็นเพราะไม่เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น ตนคิดว่าเป็นไปได้ เพราะไม่มีใครกล้าเข้ามาเพื่อล่าสัตว์ในลักษณะแบบนี้
สำหรับสัตว์ป่าส่วนใหญ่ที่พรานสมัยก่อนล่ามักเป็นพวกเก้ง หมูป่า และเม่น ซึ่งจะต้องนำมาผ่านการถนอมอาหารก่อน เพราะการเดินทางเข้า-ออก ภายในป่าต้องใช้ระยะเวลานานหลายวัน จึงต้องมีการนำเนื้อสัตว์มาแล่หนังแล้วนำมาเผาไฟ หรือย่างไฟ บางครั้งก็นำเกลือมาพอกไว้ ส่วนอาวุธที่ใช้ในการล่าจะเป็นปืนแก๊ป ปืนลูกซอง และมีด สำหรับจุดตายของเสือจะอยู่ที่บริเวณหัว และใกล้กับบริเวณหัวไหล่ หรือที่เรียกกันว่า "เหยียบขึ้น"
ทั้งนี้ คนพื้นบ้านจะไม่ทานเนื้อเสือ เพราะเนื้อไม่อร่อยมีกลิ่นสาบ แต่บางคนจะล่าเสือเพื่อนำไปส่งขายให้กับตลาดประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะมีคนจีนบางกลุ่มที่เชื่อว่าเสือเป็นยาบำรุงกำลัง และจะมีพ่อค้ารับซื้อทั้งเนื้อ และกระดูกเสือ เพื่อนำไปทำเป็นยา
อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ตนรู้สึกแปลกใจมาก สำหรับหนังเสือดำโดนแล่ที่ปรากฏในข่าวนั้น จะต้องเป็นคนที่มีความชำนาญอย่างมาก เพราะดูจากวิธีการแล่หนังแล้ว โดยเฉพาะจุดที่แล่ยากที่สุดคือ หัว เบ้าตา ขนตา และหนวด มีการเลาะออกแบบสภาพอยู่ครบสมบูรณ์ ถือว่าชำนาญมาก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก คนอนุรักษ์
ภาพและข้อมูลจาก amarintv