
กรรมการตลาดมาบตาพุด ยันไม่ปลดป้ายไล่ครอบครัวหัวร้อน ชี้ไม่รู้ใครเอามาติด แต่ถ้าครอบครัวอยากมาติดเพื่อขอโทษบ้างก็ไม่ว่า ด้าน พยอม ไม่ติดใจ จากนี้ขอหลบไป กทม.-สุโขทัย
หลังจากที่ครอบครัวหัวร้อน ได้เดินทางไปขอขมาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง โดยมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งได้มาชุมนุมที่หน้าสถานีตำรวจพร้อมโห่ไล่ ถือป้ายไม่เอาครอบครัวหัวร้อน และติดป้ายหลายพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด จ.ระยอง นั้น [อ่านข่าว : ชาวระยองโห่ไล่ ครอบครัวหัวร้อน สาดน้ำล้างแผ่นดิน ติดป้ายทั่วเมืองไม่เอาพวกกร่าง !]

นางไพเราะ ระบุว่า ไม่ทราบว่าคนที่มาขอติดป้ายเป็นใคร แต่ตนก็อนุญาตให้ติดได้เพราะตลาดนี้เป็นตลาดของส่วนรวม หากติดแล้วไม่ผิดกฎหมายก็ยินดีให้ติด ยืนยันว่าไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หากทางฝ่ายครอบครัวจะมาขอติดบ้าง เพื่อขอโทษขออภัย โดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็ติดได้
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ได้เล่นสื่อโซเชียล แต่ตนและชาวมาบตาพุดรู้จักผู้กองอู๋ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกทำร้าย เป็นอย่างดี เพราะผู้กองมักคลุกคลีกับชาวบ้าน เป็นตำรวจน้ำดีคนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นครูแด ซึ่งหมายถึง ตำรวจชุมชนสัมพันธ์ คอยอบรมให้ความรู้เยาวชนให้ห่างไกลยาเสพติดในโรงเรียนต่าง ๆ มานานหลายปีแล้ว ชาวบ้านรักผู้กองคนนี้มาก เมื่อมีเรื่องก็พากันแห่ไปให้กำลังใจ ไม่ต้องการให้ผู้กองย่อท้อ และกล้ายืนยันได้เลยว่า นิสัยของผู้กองไม่ทำร้ายประชาชนแน่นอน

ด้านนายพยอม แสงวันดี กล่าวว่า ตนได้ลองมาย้อนดูคลิปที่ครอบครัวมีเรื่องทะเลาะวิวาทก็รู้สึกไม่ดี และคิดได้ว่าพูดแรงเกินไปจึงสำนึกได้ และขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนกรณีที่ชาวมาบตาพุดถือป้ายขับไล่นั้น ตนเข้าใจ เพราะตนทำให้ จ.ระยองเสียชื่อเสียง ทั้งนี้หากตนมีงานตนก็จะอยู่ที่ จ.ระยอง ต่อ แต่หากไม่มีงานก็จะย้ายกลับกรุงเทพฯ หรือไม่ก็สุโขทัย
สำหรับเรื่องการบวชของลูกชายนั้นก็ได้เตรียมการไว้นานแล้ว โดยตั้งใจไว้ตั้งแต่ลูกชายอายุ 10 ขวบ ว่าจะบวชตอนอายุ 20 ปี เหมือนคนทั่วไป ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรับปากว่าจะไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ตอนนี้ตนใจเย็นแล้ว และขอบคุณคนในโลกออนไลน์ที่เข้ามาให้กำลังใจตนและครอบครัว
ภาพและข้อมูลจาก
