x close

ส่อคดีพลิก เผยผลตรวจร่างกายเด็ก ป.1 ถูก 3 ด.ช. รุมอนาจาร ชี้ 2 ฝ่ายพูดไม่ตรงกัน


        ส่อคดีพลิก 3 เด็กชาย ล่วงละเมิด เด็กหญิง ป.1 เผยผลตรวจไม่พบร่องรอยข่มขืน ด้านเหยื่อยันไม่ได้ถูกละเมิด แค่หยอกล้อ คาดคุณยายเข้าใจผิด ด้านจิตแพทย์วอนสังคมหยุดดราม่า
จ้างเพื่อนข่มขืนเด็ก

        จากกรณีเด็กหญิงวัย 7 ขวบ นักเรียนชั้น ป.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ถูกเด็กชายวัย 7 ขวบ 2 คน และเด็กชายวัย 10 ขวบ 1 คน รุมทำอนาจาร แล้วมีการว่าจ้างให้เด็ก ป.5 กดหัวให้จมน้ำบริเวณสระน้ำกลางหมู่บ้านหวังฆ่าปิดปากนั้น (อ่านข่าว : สลดใจ...เด็ก ป.3 จ้างเพื่อนข่มขืน ป.1 ก่อนกดน้ำหวังฆ่าให้ตาย-พ่อแม่ยื่นเงินปิดปาก)

        ล่าสุด (27 พฤษภาคม 2561) น.ส.กุลจิรา โฉมไสว หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า จากการสอบถามเด็กหญิงที่ถูกกระทำและกลุ่มเด็กชายที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ยืนยันว่าเหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปตามที่มีกระแสข่าว ความจริงแล้วเป็นการหยอกล้อกัน ส่วนเด็กชายชั้น ป.5 ที่ถูกระบุว่าได้รับการว่าจ้างให้กดหัวเด็กหญิงจมน้ำนั้น ก็เป็นเพียงแค่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ซึ่งคาดว่าคุณยายอาจจะเข้าใจผิด และเด็กน่าจะทำเลียนแบบจากสื่อ
       
           ขณะที่ ตำรวจ สภ.กระสัง เปิดเผยความคืบหน้าทางคดีว่า จากการสอบปากคำเด็กทั้ง 2 ฝ่าย เด็กหญิงยืนยันว่าไม่ได้ถูกล่วงละเมิด และไม่ได้ถูกกดน้ำ ซึ่งตรงกับคำให้การของเด็กชาย แต่ขัดกับคำให้การของคุณยาย ขณะที่ผลการตรวจสอบไม่พบร่องรอยการข่มขืนแต่อย่างใด

จ้างเพื่อนข่มขืนเด็ก

        ด้าน นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวว่า เรื่องนี้อยากให้สังคมพิจารณาข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน ซึ่งตอนนี้ได้เกิดความรุนแรงระหว่างเด็กขึ้นแล้ว และมีเด็กเป็นผู้ถูกกระทำและเป็นผู้กระทำ โดยคำว่า "ข่มขืน" หรือ "จ้างวาน" ล้วนเป็นคำพูดของผู้ใหญ่ที่นำมาใส่ในเด็ก อีกทั้งสรีระของเด็กผู้ชายอวัยวะเพศจะแข็งตัวเมื่ออายุ 12 ปีขึ้นไป ดังนั้น เด็ก ป.5 จะทำการข่มขืนได้ต้องมีร่างกายโตกว่าเด็กทั่วไป ส่วนการจ้างวานเชื่อว่ายังเร็วเกินไปที่เด็กวัยประถมจะคิดได้

        ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สังคมควรให้ความสนใจจากข่าวนี้ เริ่มแรกหยุดดราม่าแล้วพิจารณาข้อเท็จจริง และต้องเข้าใจว่าความรุนแรงระหว่างเด็กมีทุกยุคทุกสมัย เช่น เด็กแกล้งกันในโรงเรียน นักเรียนตีกัน ซึ่งต้องได้รับการแก้ไข คนก่อความรุนแรงต้องปรับพฤติกรรม ขณะที่คนถูกกระทำต้องได้รับการช่วยเหลือ จึงต้องฝึกให้เด็กรู้จักแก้ปัญหา ฝึกขอความช่วยเหลือ พ่อแม่ต้องรับฟังอย่ามองว่าเป็นเรื่องของเด็ก ส่วนเด็กที่ก่อความรุนแรง หากทางโรงเรียนแจ้งผู้ปกครองมา อันดับแรกพ่อ-แม่อย่าเข้าข้างปกป้องลูก ยอมรับความจริงให้ได้ และวางแผนแก้ไขปรับพฤติกรรม

ภาพจาก เฟซบุ๊ก เตชะ ทับทอง หนึ่งร้อยตัวแทนทำดีเพื่อพ่อspringnews
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ส่อคดีพลิก เผยผลตรวจร่างกายเด็ก ป.1 ถูก 3 ด.ช. รุมอนาจาร ชี้ 2 ฝ่ายพูดไม่ตรงกัน อัปเดตล่าสุด 28 พฤษภาคม 2561 เวลา 11:05:23 48,434 อ่าน
TOP