พ่อค้าตลาดข้างบ้านป้าทุบรถ ยันไม่ได้อยากฝ่าฝืนคำสั่งศาล แต่มันกะทันหันเกินไปหากจะสั่งให้หยุดขายทันที ชี้ขอให้เห็นใจ ใน 1 วัน ขายของแค่ไม่กี่ชั่วโมง จะสละเวลาให้ผู้ทุกข์ยากไม่ได้เลยเหรอ ?
ความคืบหน้ากรณีป้าทุบรถ หลังศาลพิพากษาตัดสินให้ฝ่ายป้าเจ้าของบ้านชนะคดี และมีคำสั่งให้รื้อตลาดบริเวณรอบบ้านออกทั้งหมด แต่ทว่า เพียงไม่กี่วันหลังคำสั่งศาลออกมา กลับพบว่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้ายังมาตั้งร้านขายของอยู่ที่ตลาดอยู่ ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : ตลาดรอบบ้านป้าทุบรถ โผล่คืนชีพ ตั้งติดริมรั้ว ไม่แคร์แม้ศาลประกาศสั่งปิด)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ (27 พฤษภาคม 2561) รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานบทสัมภาษณ์ นางกัญญา พุ่มชื่น ทนายความฝ่ายพ่อค้า-แม่ค้า เปิดเผยหลังสำนักงานเขตประเวศ แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของตลาดและผู้ค้าที่ฝ่าฝืนคำสั่ง กลับมาขายของในตลาด จำนวน 70 ราย ว่า ตนเองจะเป็นตัวแทนฝ่ายผู้ค้าในตลาด ล่ารายชื่อคนที่จะขายของต่อ ซึ่งก็มีผู้ค้ามาลงชื่อแล้วกว่า 100 คน
นางกัญญา เผยต่อว่า ก่อนหน้านี้หลังมีคำสั่งศาล ตนเองก็ได้มีการขอร้องไปทางผู้อำนวยการเขตประเวศแล้ว ว่าจะขอให้ขายของเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ แต่ก็ถูกปฏิเสธ บอกเพียงว่าต้องทำหนังสือส่งไป ซึ่งทุกคนได้รับความเดือดร้อน เพราะค้าขายกันมานานกว่า 10 ปี โดยที่ตลาดนี้ก็มีใบอนุญาตถูกต้อง แต่มาถูกถอดภายหลังจากกรณีป้าทุบรถ และหากจะให้ย้ายไปขายที่อื่นก็คงลำบาก เพราะทุกคนคุ้นชินกับที่นี่ ประกอบกับถ้าย้ายไปที่อื่น ก็คงมีกฎระเบียบเพิ่มมา อีกทั้งค่าเช่าที่แพง ต้องจ่ายล่วงหน้า ตนเองจึงอยากช่วยเหลือผู้ค้าชาวตลาด เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน อีกอย่างตนก็เคยเป็นแม่ค้ามาก่อน
ขณะเดียวกัน นายพาส (นามสมมติ) พ่อค้าในตลาด กล่าวว่า ทุกคนรู้ดีว่าศาลมีคำสั่งออกมาแล้ว แต่จะให้เลิกขายที่นี่เลยมันก็กะทันหันเกินไป สินค้าที่ยังมีค้างอยู่ต้องมีการระบายออกไปก่อน คล้ายกับคนเราหากถูกไล่ออกจากงาน ก็ต้องมีเงินชดเชยให้
ทั้งนี้ ศาลเพิ่งมีคำตัดสินออกมา จะให้หยุดเลยทันทีก็ไม่ได้ เปรียบเหมือนกับถ้าเรามีข้าวสารที่ยังไม่หมดถัง จะทำอย่างไร จะให้ทิ้งเลยหรือ แต่หากว่าศาลมีคำสั่งให้เวลา 60 วัน แล้วยังขายต่อถึงวันที่ 65 แบบนี้สิที่ไม่เหมาะสม ทุกวันนี้ตนเองก็ไม่รู้จะไปทำอะไรต่อ ก็อาจจะฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ...
นายพาส ทิ้งท้ายว่า ในเมื่อคู่กรณีบอกมาว่าเดือดร้อนมาเป็น 10 ปี กับอีกแค่ 60 วัน จะรอไม่ได้เลยหรือ เหตุใดจึงไม่สงสารกันบ้าง ตนเองไม่ต้องการให้เรื่องถึงชั้นศาล
ภาพและข้อมูลจาก
ความคืบหน้ากรณีป้าทุบรถ หลังศาลพิพากษาตัดสินให้ฝ่ายป้าเจ้าของบ้านชนะคดี และมีคำสั่งให้รื้อตลาดบริเวณรอบบ้านออกทั้งหมด แต่ทว่า เพียงไม่กี่วันหลังคำสั่งศาลออกมา กลับพบว่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้ายังมาตั้งร้านขายของอยู่ที่ตลาดอยู่ ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : ตลาดรอบบ้านป้าทุบรถ โผล่คืนชีพ ตั้งติดริมรั้ว ไม่แคร์แม้ศาลประกาศสั่งปิด)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ (27 พฤษภาคม 2561) รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานบทสัมภาษณ์ นางกัญญา พุ่มชื่น ทนายความฝ่ายพ่อค้า-แม่ค้า เปิดเผยหลังสำนักงานเขตประเวศ แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของตลาดและผู้ค้าที่ฝ่าฝืนคำสั่ง กลับมาขายของในตลาด จำนวน 70 ราย ว่า ตนเองจะเป็นตัวแทนฝ่ายผู้ค้าในตลาด ล่ารายชื่อคนที่จะขายของต่อ ซึ่งก็มีผู้ค้ามาลงชื่อแล้วกว่า 100 คน
นางกัญญา เผยต่อว่า ก่อนหน้านี้หลังมีคำสั่งศาล ตนเองก็ได้มีการขอร้องไปทางผู้อำนวยการเขตประเวศแล้ว ว่าจะขอให้ขายของเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ แต่ก็ถูกปฏิเสธ บอกเพียงว่าต้องทำหนังสือส่งไป ซึ่งทุกคนได้รับความเดือดร้อน เพราะค้าขายกันมานานกว่า 10 ปี โดยที่ตลาดนี้ก็มีใบอนุญาตถูกต้อง แต่มาถูกถอดภายหลังจากกรณีป้าทุบรถ และหากจะให้ย้ายไปขายที่อื่นก็คงลำบาก เพราะทุกคนคุ้นชินกับที่นี่ ประกอบกับถ้าย้ายไปที่อื่น ก็คงมีกฎระเบียบเพิ่มมา อีกทั้งค่าเช่าที่แพง ต้องจ่ายล่วงหน้า ตนเองจึงอยากช่วยเหลือผู้ค้าชาวตลาด เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน อีกอย่างตนก็เคยเป็นแม่ค้ามาก่อน
ขณะเดียวกัน นายพาส (นามสมมติ) พ่อค้าในตลาด กล่าวว่า ทุกคนรู้ดีว่าศาลมีคำสั่งออกมาแล้ว แต่จะให้เลิกขายที่นี่เลยมันก็กะทันหันเกินไป สินค้าที่ยังมีค้างอยู่ต้องมีการระบายออกไปก่อน คล้ายกับคนเราหากถูกไล่ออกจากงาน ก็ต้องมีเงินชดเชยให้
ทั้งนี้ ศาลเพิ่งมีคำตัดสินออกมา จะให้หยุดเลยทันทีก็ไม่ได้ เปรียบเหมือนกับถ้าเรามีข้าวสารที่ยังไม่หมดถัง จะทำอย่างไร จะให้ทิ้งเลยหรือ แต่หากว่าศาลมีคำสั่งให้เวลา 60 วัน แล้วยังขายต่อถึงวันที่ 65 แบบนี้สิที่ไม่เหมาะสม ทุกวันนี้ตนเองก็ไม่รู้จะไปทำอะไรต่อ ก็อาจจะฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ...
นายพาส ทิ้งท้ายว่า ในเมื่อคู่กรณีบอกมาว่าเดือดร้อนมาเป็น 10 ปี กับอีกแค่ 60 วัน จะรอไม่ได้เลยหรือ เหตุใดจึงไม่สงสารกันบ้าง ตนเองไม่ต้องการให้เรื่องถึงชั้นศาล
"คุณมีชีวิตที่สงบสุขมา 24 ชั่วโมง ให้กับผู้ทุกข์ยากสักกี่ชั่วโมงกัน เขาค้าขายแค่ตี 5 - 10 โมง จะกี่ชั่วโมงกัน แล้วเขาก็ต่างคนต่างกลับ"
ภาพและข้อมูลจาก