ขุดประวัติ พระพรหมสิทธิ - พระพรหมเมธี พบพิรุธเรียนไม่จบเปรียญธรรม แต่ขึ้นถึงชั้นรองสมเด็จฯ

ตกเป็นประเด็นกินพื้นที่สื่อมานานแล้ว สำหรับกรณี "เงินทอนวัด" ที่ล่าสุด
(30 พฤษภาคม 2561) สำนักข่าวแนวหน้า รายงานว่า มีแหล่งข่าวจากชุดสอบสวนคดีเงินทอนวัด ระบุว่า
ขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อมูลหลักฐานในคดีฟอกเงิน
ที่ยึดได้จากกุฏิของพระเถระทั้ง 5 รูป เพื่อขยายผลไปยังคดีอื่น ๆ
ไม่ว่าจะเป็นการให้เช่าที่ดินของวัด หรือที่ธรณีสงฆ์
โดยตรวจสอบเส้นทางการเงินว่าเข้าสู่บัญชีวัดหรือบัญชีส่วนตัวของพระแต่ละรูป
และมีการออกใบเสร็จรับเงินถูกต้องหรือไม่
โดยเฉพาะประเด็นการพบโฉนดที่ดินของฆราวาสจำนวนมากจากวัดสามพระยา
ในกุฏิของพระอรรถกิจโสภณ เลขานุการเจ้าคณะกรุงเทพฯ
ซึ่งจะดำเนินการตรวจสอบว่าวัดสามพระยาเกี่ยวข้องกับการรับจำนองโฉนดที่ดินหรือออกเงินกู้ด้วยหรือไม่
ขณะเดียวกัน พนักงานสอบสวนกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่า อาจจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มกับ พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 เพิ่มเติมด้วย เนื่องจากการดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสนั้น ถือเป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยตำแหน่ง
แหล่งข่าวบอกอีกว่า
ขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังตรวจสอบประวัติของพระชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 3 รูป
เพื่อประมวลข้อมูลเกี่ยวกับการได้มาซึ่งสมณศักดิ์
และตำแหน่งทางการปกครองของสงฆ์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ก่อนจะส่งมอบให้กับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นำเสนอต่อมหาเถรสมาคม
(มส.)
เพื่อเป็นข้อมูลในการประกอบการพิจารณาถึงความเหมาะสมในตำแหน่งของพระทั้ง 3
รูปด้วย
ซึ่งเบื้องต้นพบว่า พระพรหมสิทธิ และพระพรหมเมธี จบการศึกษาชั้นนักธรรมเอก แต่ไม่ได้เล่าเรียนบาลี หรือเปรียญธรรมมาก่อน ถือเป็นเรื่องแปลกในวงการสงฆ์ที่พระทั้ง 2 รูป ที่ไม่ได้จบเปรียญธรรมแม้แต่ประโยคเดียว แต่กลับขึ้นมาถึงระดับรองสมเด็จพระราชาคณะในชั้นพรหมได้ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และยิ่งไปกว่านั้นทั้งพระพรหมสิทธิ และพระพรหมเมธี ยังมีอาวุโสน้อยมาก หากเทียบกับพระสงฆ์รูปอื่น ๆ ในมหานิกาย ต่างจากพระพรหมดิลกที่จบเปรียญธรรม 9 ประโยค ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก






