รวบแม่เล้าวัย 17 ปี หลอกเด็กหญิงอายุ 14 ปี ผ่านทางเฟซบุ๊ก ไปค้าประเวณีให้ชาวต่างชาติที่พัทยา
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลและเข้าช่วยเหลือเหยื่อได้
4 คน จากการสัมภาษณ์คัดแยกพบเข้าข่ายกระทำผิดค้ามนุษย์ 1 คน ส่วนอีก 2 คน ไม่เข้าข่าย จึงได้ส่งให้ พม. ดำเนินการดูแล และอีก 1 คน คือ น.ส.บี
ทำหน้าที่เป็นแม่เล้า ตกเป็นผู้ต้องหาถูกดำเนินคดี
ฐานกระทำการค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี
ซึ่งเป็นการกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี /
เป็นธุระจัดหาล่อไปหรือชักพาไปซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี
แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม เป็นการกระทำแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี
และข้อหาอื่น ๆ รวม 6 ข้อหา
วันที่ 5 มิถุนายน 2561 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง
ผบช.ทท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว, ตำรวจ 191, บก.ปคม.,
นักจิตวิทยา แถลงข่าวการจับกุมดำเนินคดีความผิดเรื่องค้ามนุษย์
หลังผู้ต้องหานำเด็กผู้หญิง อายุต่ำกว่า 18 ปี
มาค้าบริการทางเพศนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ย่านพัทยา
โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 คน คือ น.ส.บี อายุ 17 ปี แม่เล้า
และผู้ซื้อบริการชาวอินเดีย 1 คน
จากการสืบสวนทราบว่า น.ส.บี ได้ชักชวน ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี
ผ่านทางเฟซบุ๊กมาเที่ยวที่พัทยา
โดยให้พักอาศัยร่วมกับเด็กและผู้ใหญ่อีกหลายคนในโรงแรมแห่งหนึ่ง
จากนั้นได้พาไปรับแขกต่างชาติชาวอินเดีย โดยรับเงินมา 5,000 บาท แบ่งให้
น.ส.เอ 4,000 บาท โดย น.ส.บี รับเงิน 1,000 บาท
ต่อมา
น.ส.เอ ได้หลบหนีกลับไปบ้านที่จังหวัดอุบลราชธานี ก่อนที่ น.ส.บี
จะตามไปที่บ้านและอ้างว่า น.ส.เอ ขโมยเงินและต้องการให้กลับไปทำงานที่พัทยา
แต่ครอบครัวไม่ยอมและได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.บี
รวมถึงดำเนินคดี MR.PARMOD KUMAR ชาวอินเดีย ที่ร่วมประเวณีกับ ด.ญ.เอ รวม 3 ข้อหา คือ
1. พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร
2. พาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม
3. กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
เบื้องต้น ตำรวจ ปคม. ได้จัดพนักงานสอบสวนหญิงร่วมกับนักจิตเวชทำการสอบปากคำ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่อย่างไรก็ตามแม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานในการดำเนินคดีอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ กล่าวยืนยันว่า ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เอาจริงกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะเว็บไซต์สื่อลามกอนาจารต่าง ๆ มีการสั่งปิดไปแล้วกว่า 700 เว็บไซต์ และอยู่ระหว่างการขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของเว็บไซต์และผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ กล่าวยืนยันว่า ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เอาจริงกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะเว็บไซต์สื่อลามกอนาจารต่าง ๆ มีการสั่งปิดไปแล้วกว่า 700 เว็บไซต์ และอยู่ระหว่างการขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของเว็บไซต์และผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ขอบคุณภาพจาก รายการ เรื่องเด่นเย็นนี้