เจ้าของร้านต่อผมแสนสี่ โต้กักขัง-ข่มขู่ ยันแจ้งราคาก่อนทำแล้ว คู่กรณีก็ยังยันทำต่อ !

              สืบเนื่องจากคลิปเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท ที่สังคมกำลังฮือฮาและได้รับความสนใจขณะนี้ เพราะสาเหตุเกิดจากค่าต่อผมหญิงสาว ในราคา 140,000 บาท ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : เรื่องของผม ! ดราม่าหนักสาวอัดคลิปทำผมแสนสี่ ถึงขั้นชกต่อย)

              เกี่ยวกับเรื่องนี้ (17 มิถุนายน 2561) รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานบทสัมภาษณ์ นางสาวณฐิตา มุขศรี หรือ จูน เจ้าของร้านทำผม เปิดเผยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า นางสาวน้ำผึ้ง คู่กรณี มาต่อผมตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และมีการค้างค่าทำผมอยู่ คือจ่ายมาเพียง 40,000 บาท ซึ่งคลิปทะเลาะกันที่ถูกแชร์ไปนั้น เป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เกิดจากที่นางสาวน้ำผึ้ง คู่กรณี มาหาที่ร้าน มาเปิดประตูร้านหาเรื่องก่อน และมีการขับรถชนรถของตนด้วย

              ทั้งนี้ ร้านของตนเปิดมานานกว่า 8 ปี ถ้าไม่ดีจริงคงอยู่ไม่ได้แน่นอน ซึ่งเรื่องที่คู่กรณีอ้างว่าตนกักขังเขานั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด แต่เรื่องที่ไปหาที่บ้านนั้น เป็นเรื่องจริง แต่ไม่ได้เป็นการไปข่มขู่ เป็นการไปทวงถามค่าใช้จ่ายที่เหลือและไปเพียงคนเดียวคือสามีของตน แต่ก็ไม่ได้เงิน ตอนนั้นตนก็ปล่อย และคิดว่าคงไม่ได้เงินแล้ว คือตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม และนับจากนั้น เรื่องก็เงียบมาโดยตลอด จนมาเกิดเรื่องก็ตอนที่เขามาหาเรื่องที่ร้าน
              นางสาวณฐิตา เผยต่อว่า สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น จำนวนเงิน 140,000 บาทนั้น ตนมองว่าไม่แพง เพราะเป็นการต่อผมแบบขนนก เป็นนวัตกรรมที่ตนคิดขึ้นมาด้วยตัวเอง ไม่ได้เรียนจบจากที่ไหน แต่เป็นประสบการณ์ที่ทำงานมากว่า 14 ปี เป็นคนคิดค้นการถักผมแบบขนนกที่มีร้านเดียวในประเทศ ช่อละ 4,000 บาท ก็เหมาะสมกับการที่ตนลองผิดลองถูกมานาน แต่หากคู่กรณีคิดว่าแพงไป แล้วเหตุใดถึงไม่ต่อแบบธรรมดา เพราะตนก็บอกไปแล้วว่ามีตั้งแต่ราคาหลักพันบาท แต่กลับเลือกที่จะต่อแบบนี้ ซึ่งรวมทั้งหมด 24 ช่อ ตนยืนยันว่ามีการแจ้งราคาแต่แรกแล้ว และเห็นว่าคู่กรณีเคยมาทำผมที่ร้านแล้ว เป็นลูกค้าเก่าที่เคยมาใช้บริการในราคา 40,000-50,000 บาท จึงยินดีทำให้

              อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับกรมการค้าภายใน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการร้องทุกข์จากใคร จึงไม่สามารถลงไปตรวจสอบได้


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก