ช่างภาพ-นักสิทธิมนุษยชนญี่ปุ่น ส่งจดหมายถึงประเทศไทย ค้านโทษประหาร ถาม "ทำไมถึงยอมให้คนอื่นฆ่าคนแทนคุณ หากเป็นคุณ คุณจะสามารถฆ่าใครด้วยตัวเองได้หรือไม่ ?"
ภาพจาก theonlinecitizen toc
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 22 มิถุนายน 2561 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า นายโทชิ คาซามะ (Toshi Kazama) อดีตผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย เครือข่ายญาติและครอบครัวของเหยื่ออาชญากรรมที่สนับสนุนสิทธิมนุษยชน (Murder Victims Families for Human Rights) ช่างภาพชาวญี่ปุ่นที่ทำงานรณรงค์ยกเลิกโทษประหารทั่วโลกด้วยภาพถ่าย ได้ออกจดหมายต่อต้านการบังคับใช้โทษประหารในไทย ใจความว่า ตนเองเคยเป็นเหยื่อของอาชญากรรม และด้วยการเป็นช่างภาพ จึงรู้เห็นเกี่ยวกับโทษประหาร
สำหรับข้อความทั้งหมด มีดังนี้
"ประชาชนไทยที่รัก
ผมได้ทราบวันนี้ว่าคนไทยได้สังหารชายคนหนึ่งในนามของโทษประหารเมื่อบ่ายวานนี้ ด้วยการฉีดสารเคมี
ผมมาที่เมืองไทยเป็นประจำตั้งแต่ปี 2522 ผมประทับใจกับความเมตตากรุณาและความเคารพยำเกรงของคนไทย รวมทั้งวัฒนธรรมที่งดงามที่มีพื้นฐานมาจากความเชื่อทางพุทธศาสนา ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ผมได้ทำงานกับหน่วยงานในประเทศรวมทั้งแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เพื่อรณรงค์ต่อต้านโทษประหาร
ในฐานะเป็นเหยื่อของอาชญากรรม และในฐานะช่างภาพซึ่งมีส่วนรู้เห็นความจริงเกี่ยวกับโทษประหาร จากการถ่ายภาพในระบบที่มีการใช้โทษประหารหลายประเทศทั่วโลก ผมรู้สึกตกใจและเศร้าใจอย่างยิ่งจากการที่ประเทศไทยอันเป็นที่รักของผม ได้บังคับใช้โทษประหารเพื่อสังหารมนุษย์คนหนึ่งเมื่อวานนี้ หลังพักการประหารชีวิตมาเป็นเวลาหลายปี
เมื่อรัฐประหารชีวิตบุคคล ไม่ใช่แค่ว่าเจ้าหน้าที่เป็นผู้สังหารเท่านั้น แต่ประเทศทั้งหมดและพลเมืองเป็นผู้สังหารมนุษย์ โดยอ้างว่าเพื่อปกป้องความยุติธรรม ผมได้พบกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายประหารชีวิตหลายคนซึ่งสังหารมนุษย์ในนามของโทษประหาร
เจ้าหน้าที่เหล่านี้เป็นคนทั่วไปเหมือนคุณกับผม พวกเขาต้องต่อสู้กับบาดแผลในจิตใจของตนเอง ซึ่งนับเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่ง ถ้าเป็นคุณ คุณจะสามารถลั่นไกยิงกระสุนใส่ศีรษะของมนุษย์อีกคนหนึ่งหรือไม่ ? ถ้าเป็นคุณ คุณจะสามารถสอดเข็มเข้าไปในเส้นเลือดเพื่อฉีดสารเคมีที่เป็นพิษร้ายถึงชีวิตได้หรือไม่ ?
หลังจากได้เป็นประจักษ์พยานพบเห็นห้องประหารในหลายที่ทั่วโลก ผมรู้สึกว่าผมไม่สามารถฆ่าใครได้ด้วยตนเอง ก็ถ้าคุณไม่ต้องการฆ่าคนอื่นด้วยตนเอง เหตุใดคุณจึงยินยอมให้บุคคลอื่นเป็นผู้ฆ่ามนุษย์คนหนึ่งแทนคุณ
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไปในอนาคต ในทิศทางที่สะท้อนความเป็นไทยที่ดีสุด นั่นคือการเคารพต่อชีวิต
ด้วยความเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง
สำหรับนายโทชิ คาซามะ เคยถูกดักปล้นและทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ขณะนั้นเขาหมดสติไป 5 วัน สมองบางส่วนเสียหาย และหูหนึ่งข้างไม่ได้ยินอย่างถาวร กระทั่งต่อมา เขาให้ความสนใจชีวิตของผู้กระทำผิด และเริ่มถ่ายภาพนักโทษประหาร โดยเริ่มจากนักโทษประหารที่เป็นเยาวชน จนถึงครอบครัวนักโทษ ผู้ประหารชีวิต และครอบครัวเหยื่อ จนได้ใช้ภาพของตนเองในการรณรงค์ยกเลิกโทษประหาร และพยายามเข้าไปถ่ายภาพนักโทษประหารในเรือนจำทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ภาพจาก theonlinecitizen toc
นับตั้งแต่ประเทศไทย มีการประหารนักโทษในรอบ 9 ปี นำมาซึ่งแรงกระเพื่อมในสังคมที่ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งในมุมมองของความรุนแรงของการกระทำผิด และโทษที่สมควรได้รับ หรือแม้กระทั่งสิทธิมนุษยชน ที่ต้องคำนึงถึงชีวิตของเหล่านักโทษประหาร
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 22 มิถุนายน 2561 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า นายโทชิ คาซามะ (Toshi Kazama) อดีตผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย เครือข่ายญาติและครอบครัวของเหยื่ออาชญากรรมที่สนับสนุนสิทธิมนุษยชน (Murder Victims Families for Human Rights) ช่างภาพชาวญี่ปุ่นที่ทำงานรณรงค์ยกเลิกโทษประหารทั่วโลกด้วยภาพถ่าย ได้ออกจดหมายต่อต้านการบังคับใช้โทษประหารในไทย ใจความว่า ตนเองเคยเป็นเหยื่อของอาชญากรรม และด้วยการเป็นช่างภาพ จึงรู้เห็นเกี่ยวกับโทษประหาร
นายโทชิ คาซามะ ได้ตั้งคำถามว่า "ถ้าเป็นคุณ คุณจะสามารถลั่นไกยิงกระสุนใส่ศีรษะของมนุษย์อีกคนหนึ่งหรือไม่ ? ถ้าเป็นคุณ คุณจะสามารถสอดเข็มเข้าไปในเส้นเลือดเพื่อฉีดสารเคมีที่เป็นพิษร้ายถึงชีวิตได้หรือไม่ ? หลังจากได้เห็นห้องประหารหลายแห่ง ผมรู้สึกว่าผมไม่สามารถฆ่าใครได้ด้วยตัวเอง หากคุณไม่ต้องการฆ่าด้วยตัวเอง เหตุใดคุณจึงยินยอมให้บุคคลอื่นเป็นผู้ฆ่ามนุษย์คนหนึ่งแทนคุณ"
"ประชาชนไทยที่รัก
ผมได้ทราบวันนี้ว่าคนไทยได้สังหารชายคนหนึ่งในนามของโทษประหารเมื่อบ่ายวานนี้ ด้วยการฉีดสารเคมี
ผมมาที่เมืองไทยเป็นประจำตั้งแต่ปี 2522 ผมประทับใจกับความเมตตากรุณาและความเคารพยำเกรงของคนไทย รวมทั้งวัฒนธรรมที่งดงามที่มีพื้นฐานมาจากความเชื่อทางพุทธศาสนา ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ผมได้ทำงานกับหน่วยงานในประเทศรวมทั้งแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เพื่อรณรงค์ต่อต้านโทษประหาร
ในฐานะเป็นเหยื่อของอาชญากรรม และในฐานะช่างภาพซึ่งมีส่วนรู้เห็นความจริงเกี่ยวกับโทษประหาร จากการถ่ายภาพในระบบที่มีการใช้โทษประหารหลายประเทศทั่วโลก ผมรู้สึกตกใจและเศร้าใจอย่างยิ่งจากการที่ประเทศไทยอันเป็นที่รักของผม ได้บังคับใช้โทษประหารเพื่อสังหารมนุษย์คนหนึ่งเมื่อวานนี้ หลังพักการประหารชีวิตมาเป็นเวลาหลายปี
เมื่อรัฐประหารชีวิตบุคคล ไม่ใช่แค่ว่าเจ้าหน้าที่เป็นผู้สังหารเท่านั้น แต่ประเทศทั้งหมดและพลเมืองเป็นผู้สังหารมนุษย์ โดยอ้างว่าเพื่อปกป้องความยุติธรรม ผมได้พบกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายประหารชีวิตหลายคนซึ่งสังหารมนุษย์ในนามของโทษประหาร
เจ้าหน้าที่เหล่านี้เป็นคนทั่วไปเหมือนคุณกับผม พวกเขาต้องต่อสู้กับบาดแผลในจิตใจของตนเอง ซึ่งนับเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่ง ถ้าเป็นคุณ คุณจะสามารถลั่นไกยิงกระสุนใส่ศีรษะของมนุษย์อีกคนหนึ่งหรือไม่ ? ถ้าเป็นคุณ คุณจะสามารถสอดเข็มเข้าไปในเส้นเลือดเพื่อฉีดสารเคมีที่เป็นพิษร้ายถึงชีวิตได้หรือไม่ ?
หลังจากได้เป็นประจักษ์พยานพบเห็นห้องประหารในหลายที่ทั่วโลก ผมรู้สึกว่าผมไม่สามารถฆ่าใครได้ด้วยตนเอง ก็ถ้าคุณไม่ต้องการฆ่าคนอื่นด้วยตนเอง เหตุใดคุณจึงยินยอมให้บุคคลอื่นเป็นผู้ฆ่ามนุษย์คนหนึ่งแทนคุณ
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไปในอนาคต ในทิศทางที่สะท้อนความเป็นไทยที่ดีสุด นั่นคือการเคารพต่อชีวิต
ด้วยความเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง
โทชิ คาซามะ"
ภาพจาก เรื่องเช้านี้ บีอีซี-เทโร
สำหรับนายโทชิ คาซามะ เคยถูกดักปล้นและทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ขณะนั้นเขาหมดสติไป 5 วัน สมองบางส่วนเสียหาย และหูหนึ่งข้างไม่ได้ยินอย่างถาวร กระทั่งต่อมา เขาให้ความสนใจชีวิตของผู้กระทำผิด และเริ่มถ่ายภาพนักโทษประหาร โดยเริ่มจากนักโทษประหารที่เป็นเยาวชน จนถึงครอบครัวนักโทษ ผู้ประหารชีวิต และครอบครัวเหยื่อ จนได้ใช้ภาพของตนเองในการรณรงค์ยกเลิกโทษประหาร และพยายามเข้าไปถ่ายภาพนักโทษประหารในเรือนจำทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย
ภาพจาก theonlinecitizen toc
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก