ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
จากกรณีคลิปวงจรปิดจับภาพสาวทอมทำร้ายแฟน สาว ทั้งใช้หมวกกันน็อกฟาด กระทืบจนเจ็บหนัก เบื้องต้นอยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหา ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : ญาติเหยื่อเผยแม่ทอมโหดซ้อมสาวโทร. ข่มขู่-ตำรวจเตรียมออกหมายเรียก)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ (22 กรกฎาคม 2561) รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV รายงานบทสัมภาษณ์ นางสาวพิมพ์พิไล หรือ ฟาง อายุ 22 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนและสาวทอมเป็นแฟนกัน รู้จักกันมา 7 ปี แต่เพิ่งมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันประมาณ 1 ปีกว่า ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเรื่องทำร้ายร่างกายมาก่อน ซึ่งขณะนี้ตนใช้สิทธิประกันสังคมในการรักษาตัว โดยก่อนหน้านี้ทางครอบครัวคู่กรณีได้เสนอเงินให้ 50,000 บาท แต่แม่ตนไม่ได้รับ พร้อมยืนยันว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
ฟาง เผยต่อว่า วันที่เกิดเหตุหลังจากที่มีคนมาช่วยและนำตัวส่งโรงพยาบาล แฟนตนก็กลับมาที่หอพัก มาเจอตำรวจ ซึ่งก็ถูกคุมตัวไปสอบปากคำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาถามเจ้าหน้าที่ว่าตนอยู่โรงพยาบาลไหน แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้บอกไป จนตนกลับมาพักที่หอ เขาก็มาหาที่หอพัก มาช่วยแม่ตนดูแลตน มาขอโทษ ตนก็ให้อภัยเขาไปแล้ว แต่ไม่กลับไปคบอีก และในส่วนของคดีความนั้น ตนยืนยันว่าต้องดำเนินไปตามกฎหมาย เพราะเมื่อตนไปเห็นภาพจากกล้องวงจรปิด ก็รับไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าแค่เรื่องรหัสไลน์ ทำไมถึงต้องทำกันถึงขนาดนี้ และมารู้อีกว่าเขาแอบมาขอภาพจากกล้องวงจรปิดไปด้วยหลังก่อเหตุ
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ขณะที่ นางสาวทิฆัมพร พิมให้ผล อายุ 23 ปี ลูกพี่ลูกน้องผู้เสียหาย ผู้โพสต์คลิป เปิดเผยว่า ตอนแรกที่เห็นคลิป ตนดูเพียงเลื่อนผ่าน ๆ เพราะรับไม่ได้อย่างมาก หลังจากเกิดเรื่องสาวทอมก็มีการโทร. มาหา มาถามว่าอยู่โรงพยาบาลไหน แต่ตนไม่บอก และหลังจากที่โพสต์คลิปลงไปในเฟซบุ๊ก แม่ของสาวทอมโทร. มาหา มาข่มขู่ว่าให้ลบออก ไม่อย่างนั้นจะฟ้องกลับ แต่ตนก็ตอบกลับไปว่าไม่กลัว จะฟ้องก็ฟ้องไป เพราะตนเชื่อว่าตนไม่ได้ทำผิด
ทั้งนี้ ในส่วนของอาการน้องสาว เบื้องต้นพบว่าฐานกระดูกรองลูกตาแตก จะต้องมีการผ่าตัด ซึ่งได้นัดหมายทางโรงพยาบาลเข้ามานอนพักรักษาตัวในวันที่ 26 กรกฎาคม นี้ และจะมีการผ่าตัดในวันรุ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีในส่วนของอาการเส้นประสาทชาในซีกขวาของใบหน้า ที่เกิดจากการกดทับของกระดูกรองตาที่แตก รวมทั้งมีกระดูกฟันแตกด้วย โดยทางมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้ช่วยเหลือครอบครัวตนในการประสานงานทุกอย่าง ตั้งแต่พาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล จนกระทั่งมาแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน นางสาวแพรวดาว ศิวภูวดลพิทักษ์ หรือ เอิร์น หญิงสาวชุดดำที่เข้าห้ามเหตุ เปิดเผยว่า ตอนนั้นตนกับแฟนกำลังจะจอดรถที่หอพักที่อยู่ด้านหลังหอพักที่เกิดเหตุ ตนได้ยินเสียงหมาเห่า จึงเงียบฟังและจับใจความได้ว่ามีเสียงคนร้องให้ช่วย ก่อนจะเห็นสาวทอมกำลังทำร้ายผู้บาดเจ็บ ตอนนั้นแฟนตนก็ได้ตะโกนออกไปว่าให้คุยกันดี ๆ แต่สาวทอมก็ยังไม่หยุด เขาได้ย้ายมาทำร้ายตรงจุดหน้าลิฟต์ ตนและแฟนจึงขี่รถอ้อมมาหา ซึ่งตอนนั้นแฟนตนเขาโมโหมาก เพราะเขาอารมณ์ร้อน เกือบจะเข้าไปทำร้ายสาวทอมแล้ว แต่ตนห้ามไว้ โดยบอกให้แฟนช่วยถ่ายคลิปให้ และอีกอย่างคือตนเป็นผู้หญิง จึงน่าจะคุยกับสาวทอมได้รู้เรื่องกว่า
นางสาวแพรวดาว เผยต่อว่า ตอนนั้นตนก็เข้าไปถามว่าทำไมถึงทำกันขนาดนี้ เขาจะตายแล้วไม่รู้เหรอ แล้วสาวทอมก็หันมามองหน้าตนและแฟน ก่อนจะขี่รถออกไปตามในคลิป
ตอนนั้นน้องที่บาดเจ็บได้ก้มลงกราบตน ตนก็ไม่กล้าจับตัวเขา เพราะสภาพเขาบาดเจ็บรุนแรงมาก ได้แต่บอกไปว่าตนไม่ทิ้งเขาแน่นอน ซึ่งตนก็อยู่กับน้องที่บาดเจ็บจนเจ้าหน้าที่นำตัวส่งโรงพยาบาล โดยสาวทอมก็ได้วนรถกลับมาอีกครั้ง แต่ตนไม่ได้คุยกับเขา มีเพียงกลุ่มผู้ชายที่อยู่ในหอตามในคลิป ได้เข้าไปสอบถามว่าทำไมถึงทำรุนแรงขนาดนี้ แต่สาวทอมกลับตอบกลับว่า ไม่แรงนะ และได้ตอบกลับอีกว่า จะจีบก็จีบไปสิ หลังจากที่กลุ่มผู้ชายถามว่าจะกลับไปคบกันอีกไหม
อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันได้ว่าผู้ชายในคลิปที่ถูกวิจารณ์ว่าทำไมไม่ออกมาช่วย ตนได้สอบถามเขาแล้ว เขาบอกว่าออกมาไม่ได้ เพราะคีย์การ์ดเสีย
เบื้องต้น ในเรื่องของคดีความ พ.ต.อ. อิทธิเชษฐ์ วงษ์หอมหวล ผกก.สน.พหลโยธิน เปิดเผยว่า ได้มีการสอบปากคำผู้ก่อเหตุแล้วตั้งแต่วันเกิดเหตุ ซึ่งทางคดีจะมีการแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่จะสาหัสหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผลตรวจจากแพทย์อย่างเป็นทางการ โดยจะมีการออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาภายในสัปดาห์หน้า และในส่วนของผู้เห็นเหตุการณ์แต่ไม่ช่วยเหลือ ทางเจ้าหน้าที่จะมีการเรียกตัวมาสอบถาม เนื่องจากผู้เห็นเหตุการณ์อาจจะถูกข่มขู่ หรือไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุมีอาวุธหรือไม่ จึงจำเป็นต้องมีการสอบปากคำให้ชัดเจนก่อน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
,