หญิงโพสต์อ้างถูกผู้นำท้องถิ่นคุกคาม บีบขายที่ดินสวนทุเรียนคืน ล่าสุดผู้ใหญ่บ้าน โร่เข้าแจ้งความฐานหมิ่นประมาท
ภาพจาก เฟซบุ๊ก นันธิญาน์ ชัชนันท์ชัยกุล
ภาพจาก เฟซบุ๊ก นันธิญาน์ ชัชนันท์ชัยกุล
นายสราวุธ กล่าวว่า ส่วนเรื่องราวความขัดแย้ง เริ่มจากการตกลงขายที่ดินในราคา 5.7 ล้านบาท แต่สัญญาจะซื้อจะขาย ฉบับที่ผู้ซื้อทำขึ้นนั้นเป็นสัญญาที่ไม่ชอบธรรมด้วยกฎหมาย เพราะไม่ตรงกับการตกลงโดยวาจา เช่น เรื่องการโอนมีเงินที่เหลือ และเรื่องเวลาที่จะให้ตนอยู่ในที่ดิน เรื่องสิ่งของต่าง ๆ ที่ตนจะให้ ทำให้ตนได้แจ้งผู้ซื้อว่าตนขอยกเลิกสัญญา พร้อมจะจ่ายเงินมัดจำ 2.2 ล้านบาทคืน และให้ค่าเสียเวลาเพิ่ม 200,000 บาท
ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า ต่อมาวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ผู้ซื้อได้ขอให้ตนขายที่แปลงดังกล่าวและไม่ต้องยกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายฉบับดังกล่าว โดยผู้ซื้อยินดีที่จะเพิ่มเงินให้ 300,000 บาท จาก 5.7 ล้านบาท เป็น 6 ล้านบาทถ้วน ส่วนเรื่องที่บอกว่าผู้นำท้องถิ่นยังเอาค่านายหน้าอีก 5 หมื่นบาทนั้น ตนมีหลักฐานการคุยกับผู้ซื้อทุกอย่าง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก นันธิญาน์ ชัชนันท์ชัยกุล
จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก นันธิญาน์ ชัชนันท์ชัยกุล ได้โพสต์ร้องขอความเป็นธรรม อ้างว่าถูกผู้นำท้องถิ่นรังแก
ทั้งที่ในบ้านมีกันเพียงแค่ 3 คน มีแค่คนแก่ พี่สาวที่พิการเป็นใบ้
แถมป่วยเป็นโรคมะเร็ง เข้ามาอยู่อาศัยในหมู่บ้าน ไม่มีญาติ
ไม่มีคนรู้จักสักคนในหมู่บ้าน โดยถูกกดดันให้ขายที่ดิน
ทั้งมีการตัดน้ำและทำลายทุเรียนในสวนนั้น
ล่าสุด วันที่ 5 สิงหาคม 2561 เดลินิวส์ รายงานว่า นายสราวุฒิ ดอนสร้อยทอง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 3 ต.ท่าชี
อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ขายที่ดินแปลงดังกล่าว
ได้เข้าแจ้งความเจ้าของโพสต์ ในข้อหาหมิ่นประมาท พร้อมกับให้สัมภาษณ์ว่า
เรื่องดังกล่าวได้เกิดขึ้นมาหลายเดือนแล้ว
ซึ่งตนก็ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงไปให้กับหน่วยงานราชการทุกหน่วยงานที่เข้ามาตรวจสอบ
และเรียกไปพบ แต่อีกฝ่ายยังคงโพสต์ข้อความในโลกออนไลน์ตลอดเวลา
ทำให้มีคนวิจารณ์ตนในทางไม่ดี
ภาพจาก เฟซบุ๊ก นันธิญาน์ ชัชนันท์ชัยกุล
นายสราวุธ กล่าวว่า ส่วนเรื่องราวความขัดแย้ง เริ่มจากการตกลงขายที่ดินในราคา 5.7 ล้านบาท แต่สัญญาจะซื้อจะขาย ฉบับที่ผู้ซื้อทำขึ้นนั้นเป็นสัญญาที่ไม่ชอบธรรมด้วยกฎหมาย เพราะไม่ตรงกับการตกลงโดยวาจา เช่น เรื่องการโอนมีเงินที่เหลือ และเรื่องเวลาที่จะให้ตนอยู่ในที่ดิน เรื่องสิ่งของต่าง ๆ ที่ตนจะให้ ทำให้ตนได้แจ้งผู้ซื้อว่าตนขอยกเลิกสัญญา พร้อมจะจ่ายเงินมัดจำ 2.2 ล้านบาทคืน และให้ค่าเสียเวลาเพิ่ม 200,000 บาท
ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า ต่อมาวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ผู้ซื้อได้ขอให้ตนขายที่แปลงดังกล่าวและไม่ต้องยกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายฉบับดังกล่าว โดยผู้ซื้อยินดีที่จะเพิ่มเงินให้ 300,000 บาท จาก 5.7 ล้านบาท เป็น 6 ล้านบาทถ้วน ส่วนเรื่องที่บอกว่าผู้นำท้องถิ่นยังเอาค่านายหน้าอีก 5 หมื่นบาทนั้น ตนมีหลักฐานการคุยกับผู้ซื้อทุกอย่าง