เปิดเรื่องราวประทับใจ ครูโรงเรียนประถมบริจาคไตให้ลูกศิษย์ป่วยโรคไต วัย 12 ปี เพื่อให้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง เผยเคยมีลูกป่วยโรคไตมาก่อน และอยากช่วยเหลือ
เดือนสิงหาคมเป็นช่วงเปิดเทอมภาคฤดูใบไม้ร่วงของสถานศึกษาในสหรัฐอเมริกา เด็กนักเรียนและนักศึกษาต่างก็เดินทางกลับไปสู่รั้วโรงเรียนและรั้วมหาวิทยาลัยอีกครั้ง ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะเซ็งที่ต้องกลับไปนั่งง่วงในห้องเรียนอีกครั้ง แต่หลาย ๆ คนก็ดีใจเพราะจะได้เจอเพื่อนฝูง ได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน แต่ก็มีบางคนที่ไม่ได้ไปโรงเรียนเหมือนคนอื่น ๆ หนึ่งในนั้นคือเด็กนักเรียนชั้นเกรด 6 คนหนึ่ง ที่ชื่อ แคเดน คอบเก้
แคเดนจำเป็นต้องได้รับการปลูกถ่ายไตเพื่อให้เขามีชีวิตรอดต่อไปได้ ครอบครัวของเขาต่างก็เป็นทุกข์ พวกเขาได้จัดตั้งเพจขึ้นมาบนเฟซบุ๊ก Kaden's Kidney Search เพื่อประกาศขอรับบริจาคไต ให้กับแคเดน เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ก็ยังไม่มีวี่แววของข่าวดี แต่แล้วในวันหนึ่งความปรารถนาของครอบครัวก็เป็นจริง และบุคคลผู้ต่อลมหายใจให้กับแคเดนนั้น ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนเลย
เรื่องราวอันน่าอบอุ่นใจนี้ถูกหยิบยกมารายงานโดยเว็บไซต์ฟ็อกซ์นิวส์ 5 แอตแลนตา เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2561 โดยตอนที่แคเดนอายุ 2 ขวบ แพทย์ตรวจพบว่าเขาป่วยเป็นโรคไต มีภาวะไตล้มเหลวและจำเป็นต้องได้รับการปลูกถ่ายอย่างเร่งด่วน ตอนนั้นพ่อของเขาเป็นผู้บริจาคไตให้ แต่ทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ไตใหม่ไม่สามารถเข้ากับร่างกายของแคเดนได้ และแพทย์ก็ต้องผ่าตัดเอาไตนั้นออก หลังจากปลูกถ่ายไปแค่ 5 วันเท่านั้น ปัจจุบันแคเดนอายุ 12 ปีแล้ว ร่างกายของเขาอ่อนแอ และไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น จนกว่าจะได้รับการปลูกถ่ายไตอีกครั้ง
ขณะที่หลายปีก่อนหน้านี้ ครอบครัวคอบเก้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่พอลดิงเคาน์ตี ในเมืองแอตแลนตา ในช่วงเดียวกันนั้นเอง ผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ วิลเลี่ยม วิลคินสัน ก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับครอบครัวคอบเก้ เนื่องจากพวกเขาส่งลูก ๆ เข้าเรียนโรงเรียนเดียวกัน และวิลเลี่ยมก็เป็นครูสอนวิชาเทคโนโลยีในโรงเรียนประถมศึกษาเกรซ คริสเตียน อะคาเดมี่ที่คาเดนเรียนอยู่ด้วย และหลังจากที่ครอบครัวคอบเก้ประกาศขอรับบริจาคไตบนเฟซบุ๊ก มีผู้ประสงค์บริจาคหลายคนติดต่อเข้ามา แต่มีแค่เพียงคนเดียวที่เป็นผู้บริจาคที่เหมาะสม และผู้ที่มีแจ้งข่าวดีนี้ก็คือครูวิลเลี่ยมนั่นเอง
ครูวิลเลี่ยมได้เดินทางไปแจ้งข่าวดีนี้ที่บ้านของคาเดน เขากล่าวว่าตนพบผู้บริจาคที่เหมาะสมแล้ว เมื่อทุกคนได้ยินแบบนั้นก็ยินดีอย่างยิ่ง พวกเขารีบถามต่อทันทีว่าผู้บริจาคคนนั้นคือใคร เพราะครอบครัวอยากติดต่อไปขอบคุณเขา ครูวิลเลียมก็พูดว่า ผู้บริจาคคนนั้นก็คือตัวเขาเอง และเมื่อแคเดนผู้กำลังนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลได้รับทราบข่าวนี้ เขาพูดอะไรไม่ออก แทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ ทั้งดีใจที่ได้ผู้บริจาค และตื้นตันอย่างมากที่คนใจบุญผู้คนนั้นคือคุณครูของเขา
"ผมป่วยเป็นโรคไตมา 10 ปีแล้วครับ มันคงจะยอดเยี่ยมมาก ถ้าผมจะได้ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ ไม่ต้องทนอยู่กับเครื่องอะไรต่าง ๆ ในโรงพยาบาลอีก ตอนที่ผมรู้ว่าครูจะเป็นผู้บริจาคไตให้ผม ผมตื้นตันมาก ๆ ฮะ ผมเกือบจะร้องไห้ออกมา ผมพูดอะไรไม่ออกเลย" แคเดน กล่าวถึงช่วงเวลานั้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขามีความสุขมากที่จะได้มีชีวิตใหม่ และยินดีอย่างยิ่งคนผู้หยิบยื่นชีวิตใหม่ให้คือคนที่ตัวเองคุ้นเคย
ครูวิลเลี่ยมกล่าวว่า ลูกชายของเขาเองก็ป่วยเป็นโรคไตตอนอายุ 2 ขวบครึ่ง และมันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก พอตัวเองได้รับรู้อาการเจ็บป่วยของแคเดน สิ่งเดียวที่เขาคิดก็คือต้องช่วยเหลือให้ได้ เพราะในฐานะคนเป็นพ่อ เขาเข้าใจหัวอกพ่อแม่ของคาเดนเป็นอย่างดีว่ามันรู้สึกอย่างไร เขาเคยอยู่ในจุดจุดนั้นมาก่อน เขาเคยเฝ้าอ้อนวอนขอความช่วยเหลือให้กับลูกชายที่เจ็บป่วยของเขา ดังนั้นสิ่งที่ครูวิลเลี่ยมต้องการ คือการได้เป็นผู้ให้
"ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะตัวเองจะเป็นผู้บริคจาคอวัยวะให้ใคร แต่พอได้รู้เรื่องแคเดน ความรู้สึกในใจผมก็คือ ผมต้องทำอะไรสักอย่าง ผมต้องช่วยเขา ความคิดของผมคือ จงเป็นคนเปิดกว้าง อย่าให้ความลำบากของตัวเองมาขัดขวางความเสียสละ ในการหยิบยื่นสิ่งดี ๆ ให้กับคนอื่น" ครูวิลเลี่ยม กล่าว
แคเดนเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายไตเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา
โดยในคืนก่อนหน้านั้น ครูวิลเลี่ยมได้พูดคุยกำลังใจแก่เขาผ่านวิดีโอคอลด้วย
ทางด้านแคมมี่ แม่ของแคเดน กล่าวว่า ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ในขณะนี้เขากำลังพักฟื้นอยู่ที่ศูนย์การแพทย์เด็กแอตแลนตา
ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าที่ร่างกายของเขาจะแข็งแรงพอจนสามารถกลับบ้านและกลับไปเรียนต่อไปได้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปในทิศทางที่ดีมาก แคมมี่เผยต่อว่าครอบครัวโล่งใจเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก ไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไปแล้ว แคเดนเองก็จะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องเจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ เหมือนเดิมอีกต่อไป ซึ่งทั้งหมดต้องขอบคุณครูวิลเลี่ยมผู้เสียสละ เพราะถ้าเขาไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย แคเดนก็คงไม่ได้มีวันนี้
"ครูวิลเลี่ยม คุณคือฮีโร่ผู้เสียสละที่แท้จริง คำนิยามของคำว่าเสียสละ คือการห่วงใยคนอื่นมากกว่าตัวเอง และพร้อมที่จะช่วยเหลือโดยไม่คำนึงถึงตัวเอง นี่คือสิ่งที่ครูวิลเลี่ยมเป็น พวกเรารักคุณมาก พวกเราซาบซึ้งอย่างที่สุด และคำขอบคุณที่พวกเรามีให้ ก็ไม่เพียงพอกับสิ่งที่คุณทำเลย" ครอบครัวคอบเก้ กล่าวบนเฟซบุ๊ก Kaden's Kidney Search
แคเดนจำเป็นต้องได้รับการปลูกถ่ายไตเพื่อให้เขามีชีวิตรอดต่อไปได้ ครอบครัวของเขาต่างก็เป็นทุกข์ พวกเขาได้จัดตั้งเพจขึ้นมาบนเฟซบุ๊ก Kaden's Kidney Search เพื่อประกาศขอรับบริจาคไต ให้กับแคเดน เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ก็ยังไม่มีวี่แววของข่าวดี แต่แล้วในวันหนึ่งความปรารถนาของครอบครัวก็เป็นจริง และบุคคลผู้ต่อลมหายใจให้กับแคเดนนั้น ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนเลย
ขณะที่หลายปีก่อนหน้านี้ ครอบครัวคอบเก้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่พอลดิงเคาน์ตี ในเมืองแอตแลนตา ในช่วงเดียวกันนั้นเอง ผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ วิลเลี่ยม วิลคินสัน ก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับครอบครัวคอบเก้ เนื่องจากพวกเขาส่งลูก ๆ เข้าเรียนโรงเรียนเดียวกัน และวิลเลี่ยมก็เป็นครูสอนวิชาเทคโนโลยีในโรงเรียนประถมศึกษาเกรซ คริสเตียน อะคาเดมี่ที่คาเดนเรียนอยู่ด้วย และหลังจากที่ครอบครัวคอบเก้ประกาศขอรับบริจาคไตบนเฟซบุ๊ก มีผู้ประสงค์บริจาคหลายคนติดต่อเข้ามา แต่มีแค่เพียงคนเดียวที่เป็นผู้บริจาคที่เหมาะสม และผู้ที่มีแจ้งข่าวดีนี้ก็คือครูวิลเลี่ยมนั่นเอง
ครูวิลเลี่ยมได้เดินทางไปแจ้งข่าวดีนี้ที่บ้านของคาเดน เขากล่าวว่าตนพบผู้บริจาคที่เหมาะสมแล้ว เมื่อทุกคนได้ยินแบบนั้นก็ยินดีอย่างยิ่ง พวกเขารีบถามต่อทันทีว่าผู้บริจาคคนนั้นคือใคร เพราะครอบครัวอยากติดต่อไปขอบคุณเขา ครูวิลเลียมก็พูดว่า ผู้บริจาคคนนั้นก็คือตัวเขาเอง และเมื่อแคเดนผู้กำลังนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลได้รับทราบข่าวนี้ เขาพูดอะไรไม่ออก แทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ ทั้งดีใจที่ได้ผู้บริจาค และตื้นตันอย่างมากที่คนใจบุญผู้คนนั้นคือคุณครูของเขา
ครูวิลเลี่ยมกล่าวว่า ลูกชายของเขาเองก็ป่วยเป็นโรคไตตอนอายุ 2 ขวบครึ่ง และมันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก พอตัวเองได้รับรู้อาการเจ็บป่วยของแคเดน สิ่งเดียวที่เขาคิดก็คือต้องช่วยเหลือให้ได้ เพราะในฐานะคนเป็นพ่อ เขาเข้าใจหัวอกพ่อแม่ของคาเดนเป็นอย่างดีว่ามันรู้สึกอย่างไร เขาเคยอยู่ในจุดจุดนั้นมาก่อน เขาเคยเฝ้าอ้อนวอนขอความช่วยเหลือให้กับลูกชายที่เจ็บป่วยของเขา ดังนั้นสิ่งที่ครูวิลเลี่ยมต้องการ คือการได้เป็นผู้ให้
"ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะตัวเองจะเป็นผู้บริคจาคอวัยวะให้ใคร แต่พอได้รู้เรื่องแคเดน ความรู้สึกในใจผมก็คือ ผมต้องทำอะไรสักอย่าง ผมต้องช่วยเขา ความคิดของผมคือ จงเป็นคนเปิดกว้าง อย่าให้ความลำบากของตัวเองมาขัดขวางความเสียสละ ในการหยิบยื่นสิ่งดี ๆ ให้กับคนอื่น" ครูวิลเลี่ยม กล่าว
ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าที่ร่างกายของเขาจะแข็งแรงพอจนสามารถกลับบ้านและกลับไปเรียนต่อไปได้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปในทิศทางที่ดีมาก แคมมี่เผยต่อว่าครอบครัวโล่งใจเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก ไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไปแล้ว แคเดนเองก็จะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องเจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ เหมือนเดิมอีกต่อไป ซึ่งทั้งหมดต้องขอบคุณครูวิลเลี่ยมผู้เสียสละ เพราะถ้าเขาไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย แคเดนก็คงไม่ได้มีวันนี้
"ครูวิลเลี่ยม คุณคือฮีโร่ผู้เสียสละที่แท้จริง คำนิยามของคำว่าเสียสละ คือการห่วงใยคนอื่นมากกว่าตัวเอง และพร้อมที่จะช่วยเหลือโดยไม่คำนึงถึงตัวเอง นี่คือสิ่งที่ครูวิลเลี่ยมเป็น พวกเรารักคุณมาก พวกเราซาบซึ้งอย่างที่สุด และคำขอบคุณที่พวกเรามีให้ ก็ไม่เพียงพอกับสิ่งที่คุณทำเลย" ครอบครัวคอบเก้ กล่าวบนเฟซบุ๊ก Kaden's Kidney Search