ผู้การสุราษฎร์ฯ สั่งไล่ตรวจกล้องวงจรปิด หาหลักฐานหลังสื่ออังกฤษตีข่าว นักท่องเที่ยวสาวถูกวางยา-ข่มขืน บนเกาะเต่า แต่ตำรวจไม่ระบุในบันทึกประจำวัน แถมกล้องวงจรปิดที่บาร์เสีย
ภาพจาก สำนักข่าว INN
จากกรณีฉาว สื่ออังกฤษตีข่าว นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษ วัย 19 ปี
มาเที่ยวเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนถูกปล้น วางยา และข่มขืน
บริเวณหาดทรายรี ไม่ไกลกับจุดที่เคยเกิดเหตุ 2
นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษถูกฆาตกรรม โดยหลังแจ้งความที่ สภ.เกาะพะงัน
ทางตำรวจกลับไม่ได้ลงรายละเอียดเรื่องการข่มขืน
แถมกล้องวงจรปิดที่บาร์กลับเสีย ลักษณะคล้ายมีการปิดข่าวนั้น [อ่านข่าว :
เกาะเต่าฉาวอีก เพจดัง-สื่อนอก ตีข่าว นทท.อังกฤษถูกข่มขืน
แต่ตำรวจปิดข่าว]
ล่าสุด (26 สิงหาคม 2561) พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นที่เกาะเต่า ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ สภ.เกาะพะงัน ว่า โทรศัพท์มือถือและเงินหาย เบื้องต้นพนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งว่าถูกข่มขืน อย่างไรก็ตามขณะนี้ทาง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้สั่งการให้ สภ.เกาะพะงัน และ สภ.เกาะเต่า เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด หรือพยานหลักฐานอื่น ๆ ย้อนหลังในจุดเกิดเหตุและพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว
ส่วนเรื่องที่มีเหตุลักทรัพย์เกิดขึ้นบ่อยครั้งในพื้นที่และการรักษาความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวนั้น ทาง พล.ต.ต. อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด, ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจท่องเที่ยว เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงกำหนดมาตรการ แนวทางป้องกัน โดยให้เร่งรัดทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง และหามาตรการป้องกันเหตุ เพิ่มความเข้มในการออกป้องกันปราบปรามจุดเสี่ยง และลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว เกี่ยวกับกลุ่มอาชญากรบุคคลเฝ้าระวังหรือบุคคลพ้นโทษ อีกทั้งหากมีเหตุเกิดขึ้นให้เร่งรัดติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว
นอกจากนี้ ทาง พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยบูรณาการการปฏิบัติร่วมกัน และกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเร่งคลี่คลายคดีดังกล่าว อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ รวมถึงแนวทางปฏิบัติในการรักษาความปลอดภัย และสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยว หรือพักอาศัยในประเทศไทย และขอประชาสัมพันธ์ประชาชนกรณีเกิดเหตุด่วน เหตุฉุกเฉิน กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ สามารถแจ้งสายด่วน 1155 ของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN