คดีสาวอังกฤษถูกข่มขืน ส่อกลิ่นตุ ๆ กุถูกข่มขืน หลังมีรายงานเล่าให้เจ้าของโรงแรมฟังว่า เมาพลาดมีเซ็กส์กับคนอื่น กลัวแฟนหนุ่มที่กำลังบินมาหารู้ ชี้มีการแจ้งความ แต่บอกแค่ของหาย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก สุรเชษฐ์ หักพาล
จากกรณีสื่ออังกฤษตีข่าว นักท่องเที่ยวสาว วัย 19 ปี มาเที่ยวเกาะเต่า
จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนถูกปล้น วางยา และข่มขืน บริเวณหาดทรายรี
ไม่ไกลกับจุดที่เคยเกิดเหตุ 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษถูกฆาตกรรม
โดยหลังแจ้งความที่ สภ.เกาะพะงัน ทางตำรวจกลับไม่ได้ลงรายละเอียด
ก่อนที่แม่ของสาวอังกฤษยืนยันว่าลูกถูกข่มขืน
แต่ไม่ได้แจ้งความว่าโดนข่มขืน เพราะอยู่ในภวังค์ของฤทธิ์ยา
และต้องรีบเดินทางไปเกาะพะงัน เพื่อไปร่วมฟูลมูนปาร์ตี้กับเพื่อนชาย
ลูกสาวคิดว่าแจ้งความที่ไหนก็ได้ จึงไปแจ้งที่ สภ.เกาะพะงัน มีหลักฐานคือ
DNA ของคนร้ายที่อยู่ในเสื้อ
ซึ่งหลังจากนี้แม่สาวอังกฤษจะเดินทางมาแจ้งความที่เมืองไทย [อ่านข่าวคลิก]
ล่าสุด วันที่ 28 สิงหาคม 2561 เว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. ในฐานะรอง ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอส.ตร.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เดินทางไปยังเกาะเต่าเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
รายงานข่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่ผ่านมา
นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษ ได้แจ้งกับ น.ส.ภัทรา แจ่มสกุล เจ้าของโฮสเทล
ดิไฮฟ์ ว่า เธอกับเพื่อนได้ไปดื่มสุราที่บริเวณหน้าไอฟายแอนด์รีสอร์ทจนเกิดอาการมึนเมา
ต่อมามีชายชาวเอเชียเข้ามาพูดคุย จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้
มารู้สึกตัวอีกทีก็อยู่บริเวณลานหิน จปร. ใกล้โรงแรมเดอะคลิฟ
รู้สึกตัวว่าน่าจะโดนข่มขืนและทรัพย์สินได้สูญหายไป น.ส.ภัทรา
ได้แนะนำให้ไปแจ้งความ แต่เจ้าตัวไม่ประสงค์ที่จะแจ้ง
เพราะต้องเดินทางไปงานฟูลมูนปาร์ตี้ ต่อมาวันที่ 27 มิถุนายน
ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะพะงัน ว่าทรัพย์สินสูญหาย
แต่ไม่ได้มีการระบุพูดถึงการข่มขืน
แต่เมื่อกลับบ้านเกิดกลับให้ข่าวกับสื่ออังกฤษว่าถูกข่มขืน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก สุรเชษฐ์ หักพาล
นอกจากนี้มีรายงานด้วยว่า
หนุ่มที่มีสัมพันธ์กับแหม่มสาวนั้น มีปากเสียงกับแฟนหนุ่มของแหม่มสาว
ถึงขั้นชกต่อยกัน มาจากปัญหาที่ระบุไว้ข้างต้น
สรุปได้ว่าไม่มีเหตุการณ์ข่มขืนเกิดขึ้นจริง
แต่หากครอบครัวสงสัยก็ขอให้กลับมาไทยเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ
ส่วนเว็บไซต์ที่ปล่อยข่าวบิดเบือนข้อมูล มีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการเอาผิดคนที่วิจารณ์สร้างความเสียหายให้กับประเทศ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก